17 Dec 2007

เที่ยวกาญจนบุรี ชมความงานน้ำตกนางครวญ ณ.อช ลำคลองงู






บนทางหลวงหมายเลข 323 การเดินทางจากกาญจนบุรีเพื่อมุ่งสู่ อ.ทองผาภูมิ เพื่อเดินทางต่อไปยังสังขละบุรี ในขณะที่ความฝันเดินทางไปไกลกว่าจนเกือบถึงจุดหมายปลายทาง ระดับความสูงเริ่มเพิ่มสูงขึ้นไต่ตามระดับแนวทิวเขาขึ้นไปเรื่อย ๆ ป่าไม้ในปลายปีช่วงเดือนธันวาคม เปลี่ยนสีไปเป็นเนื่องจากความกดอากาศสูงที่แผ่ลงมาจากประเทศจีนได้ส่งผลให้ระดับความชื้นในอากาศลดลง ฤดูหนาวครั้งที่ 32 ในชีวิต อากาศแห้งและเย็น


ต้นไม้ที่เคยเขียวขจีในป่าเขาเบื้องหน้าเริ่มเปลี่ยนสีเมื่อพืชเริ่มมีการเก็บเอาสารสีเขียวเก็บกลับเข้าไปสู่ลำต้น สารสีเขียวนี่อะไรนะ ... อ้อหากจำไม่ผิดน่าจะเป็นคลอโรฟิลล์ และคงเปลี่ยนสภาพโดยการเปลี่ยนเป็นสารอะไรซักอย่างหนึ่งที่ทำให้ใบไม้เปลี่ยนเป็นสีต่าง ๆ ตามแต่ชนิดและเงื่อนไขที่เหมาะสมสำหรับแต่ละสายพันธ์ ความหลากหลายของพันธ์พืช ทำให้ภูเขาเบื้องหน้าเปลี่ยนสีเป็น เหลือง ส้ม น้ำตาล และบางต้นเป็นสีม่วง และสลับด้วยเขียวเป็นบางส่วน กระจัดกระจายอย่างสวยงามดังภาพเขียนของจิตรกร ที่รังสรรค์อย่างงดงาม


รถยนต์ยังคงเคลื่อนที่ต่อไปขณะที่ผมกำลังชมบรรยากาศเบื้องหน้า ก็ขึ้นมาถึงระดับที่สามารถมองเห็นเขื่อนเขาแหลมอยู่ทางขวามือ ความฝันกลับมาอยู่ที่เดิมในขณะที่จุดหมายใก้ลเข้ามาทุกที


จุดหมายแรกของการเดินทางในวันนี้คือ อช.ลำคลองงู ซึ่งห่างจากอำเภอทองผาภูมิประมาณ 46 กิโลเมตร การเดินทางจากปากทางเข้าอุทยานเป็นถนนลาดยาง ขึ้นเขาเป็นระยะทางยาวในช่วงแรกและหักโค้ง ไต่ระดับความสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ และเมื่อลดระดับลงจากเขามาซักครู่ก็จะสุดเส้นทางลาดยางแล้วถนนที่ทอดตัวเข้าสู่ อุทยานแห่งชาติลำคลองงู ก็จะเป็นถนนดินแดงลูกลัง ฝุ่นจากถนนฝุ้งกระจายจัดต้นไม้ และต้นหญ้าสูงสองข้างทางให้เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลแดง นกตะขาบทุ่งเกาะอยู่ตามสายไฟฟ้า ที่นำพาแสงสว่างให้กับชาวบ้านในชุมชนที่ประกอบกสิกรรมอยู่สองฟากถนนทอดแนว พื้นที่การทำไร่กระจายแนวกว้างไปสู่หุบเขาเบื้องหน้า






ป้ายทางเข้าอุทยานขนาดใหญ่ตั้งอยู่ทางขวามือของถนนเป็นทางสามแยกให้เราเลี้ยวขวาเข้าสู่ที่ทำการอุทยานแห่งชาติลำคลองงู ถนนลูกลังถูกถมอย่างดีแต่หากเป็นการเดินทางเข้ามาในหน้าฝนก็คงจะลำบากไม่นอ้ย และรถเก๋งไม่น่าจะเดินทางเข้ามาได้ แต่สำหรับในฤดูหนาวที่ผืนดินแห้งผากเช่นนี้สำหรับรถเก๋งหากไม่ได้โหลดก็สามารถเข้ามาได้สบายมากครับ ขับรถเข้ามาอีกไม่ไกลก็เข้าถึงเขตที่ทำการอุทยานเสียทีกว่าจะถึงได้ก็ได้เวลากินข้าวเที่ยงพอดี




ลานสนามหญ้าสีเขียวทอดเอียงถูกจัดทำไว้สองฝั่งลำห้วยขนาดเล็กที่ทอดผ่านลงไปเบื้องล่างเป็นสายต้นน้ำของน้ำตกนางครวญ พื้นที่กางเต็นท์ถูกจัดทำอย่างดีบนสนามหญ้าโดยมีการปรับระดับยกพื้นสูงขึ้นและปรับพื้นที่ให้เรียบ เพื่อป้องกันน้ำหากฝนตก และเพื่อให้พื้นที่สำหรับนอนเป็นพื้นระนาบ มีห้องน้ำบริการให้ทั้งสองฝั่ง โดยมีสพานไม้ข้ามลำห้วยซึ่งเจ้าหน้าที่เพิ่งทำขึ้นใหม่สำหรับเดินข้าม คืนนี้ป่านี้น่าจะเงียบสงบอย่างที่สุดเพราะเพิ่งมีพวกเราเข้ามาถึงเป็นกลุ่มแรก จากสภาพการเดินทางไม่น่าจะมีคนเข้ามาพักบริเวณนี้จำนวนมาก




น้ำคือชีวิต
สายน้ำในลำห้วยใสเย็น ในช่วงยามบ่ายที่อากาศอบอุ่นและความเหนื่อยล้าจากการเดินทาง ทำให้ผมและคุณไอ้ลูกทุ่ง ไม่สามารถอดใจต่อไปได้ หน้ากากดำน้ำถูกนำออกมาแล้วเราก็มุ่งลงลำห้วยข้างลานกางเต็นท์ทันที เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาก่อนที่จะเดินทางต่อไปชมน้ำตกนางครวญ สายน้ำเย็นเยียบทำให้ชุ่มฉ่ำและสดชื่นทันทีที่ลงไปสัมผัส เมื่อเราจุ่มหน้าลงไปในลำธารที่สายน้ำไหลเรื่อยกระทบโขดหิน โลกอีกโลกหนึ่งก็จะปรากฏอยู่ตรงหน้า โลกแห่งชีวิตภายใต้สายธารต้นน้ำที่หล่อเลี้ยงชีวิตมากมาย เหมือนตู้ปลาใบใหญ่ที่เต็มไปด้วยฝูงปลาตัวน้อย ปลาค้อ และ กาล่าจำนวนมากอาศัยอยู่ในลำธารช่วงนี้ ไม่ว่าจะดำลงไปดูณจุดไหนก็พบกับฝูงปลามากมาย น่าจะเป็นเพราะสถานที่แห่งนี้ยังปราศจากการรบกวนจากมนุษย์ และมลภาวะอันมากมายที่จะทำให้ปลาเหล่านี้อาศัยอยู่ไม่ได้


Search This Blog

GoDaddy 7.49 Domain Sales