11 Dec 2008

เขียนเสื้อ

เดินเล่นใน B2S เห็นมีสีเทียนสำหรับเขียนเสื้อขายอยู่ ก็เลยลองซื้อมาเขียนเล่น





วิธีการก็ไม่มีอะไรมาก แค่หาเสื้อสีอ่อนมา แล้วก็ขีด ๆ เขียน ๆ สิ่งที่ต้องการลงไป

พอเสร็จแล้วก็เอากระดาษวางทับแล้วทาบด้วยเตารีดร้อน ๆ เท่านี้ก็เรียบร้อยแล้วครับ

เมื่อวานนี้เลยเขียนเสื้อไปตัวนึง และกระเป๋าผ้าสำหรับช่วยลดโลกร้อนอีกหนึ่งใบ

4 Dec 2008

33 Week

หลังจากผ่านคืนวันพระจันทร์ยิ้ม ส่งความสุขให้กับคนไทยทั่วประเทศได้คลายความเครียดจากสถานการณ์ทางการเมือง แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะสดชื่นกันไปได้อีกกี่วันนะครับ

วันนี้ลูกอายุครบ 33 สัปดาห์แล้วก็ไปทำอัลตราซาวที่โรงพยาบาลเปาโล หมอบอกว่าคุณแม่น้ำหนักเพิ่มเยอะไปนิด วัดขนาดลูกแล้วใหญ่กว่าเด็ก 33 สัปดาห์ หมอบอกว่าขนาดเท่าเด็ก 34 สัปดาห์ สงสัยแม่จะบำรุงมากไป
ใครไม่เคยมีลูกก็มาดูเลยครับว่าเค้าทำกันอย่างไง?

26 Nov 2008

หยุด เผด็จการรัฐสภา

ได้เห็นไอ้นายกรัฐมนตรี หัวดอ ออกทีวีแล้วสิ้นหวัง กับคณะรัฐมนตรี และ สส. ที่ร่วมรัฐบาลทุกคนจริง ๆ ภาพที่ออกทีวีวันนี้น่าจะทำให้คนที่เคยวางตัวเป็นกลาง เลือกหาจุดยืนและเลือกข้างได้แล้วนะครับ
ผมไม่ได้เรียกร้องให้ผู้เป็นกลางมาอยู่ข้างพันธมิตร 100% หรอกครับ เพราะบางอย่างที่พันธมิตรทำผมก็ไม่เห็นด้วย แต่น่าจะถึงเวลาแล้วที่คนไทยที่รักชาติ ต้องแสดงออกด้วยการยืนอยู่ตรงข้ามกับรัฐบาล ที่เป็นเผด็จการ เผด็จการรัฐสภาแบบนี้น่าจะมีแต่ในประเทศที่ประชาธิไตยล้าหลัง หรืออย่างในสมัย 30 ปีที่แล้ว

เผด็จการรัฐสภา ได้สร้างความเสียหายให้กับประเทศมามากมายแล้วตั้งแต่สมัย ทักษิน เพราะคนพวกนี้ โกงจน " ชิน " กินจนเป็น กิจ " วัตร "
กลุ่มนักการเมืองพวกนี้มีความเข้าใจว่าการโกงไม่ใช่สิ่งที่ผิด เพราะ ถ้ากฏหมายบอกว่าผิด ก็ต้องแก้กฏหมาย ให้ผิด กลายเป็นถูก เช่นกฎหมายภาษีของไอทีวี , กฎหมายแปรรูป ปตท. , กฎหมายแปรรูปกฟผ. , กฎหมายแปรรูป TOT , กฎหมายแปรรูป CAT , กฎหมายแปรรูปกการประปา อ้างว่า เพื่อการบริหารที่คล่องตัว โปร่งใส
จนทำให้ในสมัยนั้นสามารถแปรรูป ปตท. ได้สำเร็จ นับว่ายังเป็นโชคดีของประเทศไทยที่ยังมีคนดีอย่าง สว รสนา ทำให้การแปรรูปการไฟฟ้าทำไม่สำเร็จ

เผด็จการรัฐสภา ของกลุ่มนอมินีของหน้าเหลี่ยม ทำอะไรไว้บ้างตั้งแต่สมัยนายสมัครจมูกบาน ซึ่งวันนี้ผลกรรมตามทันส่งให้เป็นมะเร็ง ได้ใช้เงินที่ได้มาจากคนหน้าเหลี่ยม ในการรักษาตัว

กรณีเขมร เนื่องจากตัวมันและคนในรัฐบาล มีนอมินีถือหุ้นปตท.อยู่ (ก็ลงทุนแปรรูปแล้วจะปล่อยไปให้ตกอยู่ในมือคนอื่นได้ไง) และหากเรายอมให้เขมรยื่น สำเร็จ ปตท.จะได้สิทธิในการขุดเจาะนำมันในเขมรครับ ผลประโยชน์มันมหาศาลขนาดนี้แถมเป็นเป็นคำสั่งไอ้เหลี่ยม ไอ้นพเหล่มันเลยยอมยกให้โดยดี
แอบซุ่มลงนามอะไรไปหลาย ๆ อย่างโดยที่ไม่เคยมีใครรู้ สส. ที่เข้าประชุมก็ไม่เคยสนใจอ่านเอกสารต่าง ๆ

หรือกรณีเช่ารถแมล์ ที่ราคาเช่าแพงกว่าราคาซื้อหลายเท่ามีแต่คนออกมาคัดค้านมันก็ดันทุรังทำกันจนผ่านการอนุมัติไปแล้ว

เหตุการณ์ 7 ตุลา เป็นเพราะอะไร จึงเกิดขึ้น เพราะก่อนหน้านี้ไอ้เหลี่ยมวางแผนจะให้มีการปะทะ ระหว่าง นปช และพันธมิตร แล้วก็ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน แต่ทหารสมัยนี้ ไม่ได้โง่อย่างที่มันคิด และรักประเทศชาติและประชาชนมากกว่าตำรวจ จึงเพียงแค่เข้ามาคุมสถานการณ์ และไม่มีการปราบปราม
ในวันที่ 7 ตุลาจึงไม่มีการเรียกใช้ทหาร แต่เลือกใช้ตำรวจที่ยอมสยบอยู่ใต้อำนาจเงิน และตำแหน่งทางการเมืองที่ไอ้คนหน้าเหลี่ยม มอบให้
เหตุการณ์ผ่านไปมีคนเจ็บคนตาย ไม่เห็นมีนักการเมืองคนไหนออกมารับผิดชอบ ไม่เห็นไอ้คณะกรรมการที่มันตั้งขึ้นมาเองจะสอบสวนอะไรสำเร็จ (ในขณะที่คณะอื่นเค้าทำเสร็จกันหมดแล้ว และลงความเห็นว่ารัฐบาลต้องรับผิดชอบ) แม่ง พูดเป็นคำเดียว ว่ากูรักษาประชาธิปไตย (แบบเผด็จการรัฐสภา) ต้องรอผลสอบสวน
ต่างประเทศ เค้าประท้วงกันน้อยกว่านี้แต่เป็นเรื่องของผลประโยชน์สาธารณะ เค้ายังต้องรีบลาออก เพื่อแสดงความรับผิดชอบ และสร้างจริยธรรมทางการเมือง

เหตุการณ์ต่อไปอะไรจะเกิดขึ้น คงไม่พ้นการปลุกระดมมวลชนของพวกไอ้หัวปิงปอง ออกมา ออกมา
ฆ่าพันธมิตรซะ ต่อไปทำอะไร แก้กฎหมายขายชาติอย่างไร จะได้ไม่มีใครมาขวาง.......

ฆ่าพันธมิตรซะ คนที่เทิดทูนสถาบันจะได้ไม่เหลือ ต่อไปทำอะไร ลบหลู่อย่างไร ก็ไม่มีใครว่า......

ฆ่าพันธมิตรซะ จะได้ไม่มีใครมาเป็น " คนรู้ทัน "......


อย่าคิดแค่พวกพันธมิตรหรือผู้เรียกร้อง ว่าสร้างความวุ่นวาย
อย่า คิดว่าคนพวกนั้น เทิดทูนสถาบัน ถ้าพวกมันยังให้ท้าย คนหมิ่นสถาบัน (ยังไม่เห็นตำรวจจับคนหมิ่นสถาบันคนไหนมาดำเนินคดี จักรภพ ยังออกทีวีเรียกระดมคนมาต้านพันธมิตร)

จักรภพ พูดหมิ่น ผู้รักษากฏหมายบางคนก็ยังไม่จับ จนทหารต้องออกโรงบีบ ดาตอปิโด ด่าเบื้องสูง นายสุชาติ นาคบางไทร ออกมาหมิ่นสถาบันอีก ตอนนี้หนีไปอย่างไร้ร่องรอย เหมือนกับมีคนจงใจ ให้ออกมาด่า ให้ชนสถาบัน แล้วเปิดทางให้หนี

วีระ มุสิกะพงษ์ แกนนำอีกคน สมัยก่อนโดนคดีหมิ่นเบื้องสูงจนต้องติดคุกติดตารางอยู่นาน

แต่ ด้วยพระมหากรุณาธิคุณ พลเอกเปรม ติณณสูลานนท์ เมตตา เห็นว่า น่าจะกลับตัวได้ จึงกราบบังคมทูลขอพระราชทานอภัยโทษให้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ทรงมีพระเมตตาพระราชทานอภัยโทษให้
6 พฤษภาคม 2550 วีระ มุสิกะพงษ์ ออกมาหมิ่นสถาบันบนเวทีสนามหลวงอีกครั้ง ดูเหมือนตำรวจใช้เวลานานมากในคดีนี้ มาถึงตอนนี้ ปีกว่าๆแล้ว เรื่องก็ยังไม่ถึงอัยการ นายตำรวจระดับสูง บอกว่ายังต้องสอบพยานอีก ไม่ทราบจะสอบถึงใหน
เมื่อพวกนี้เล่นเรื่องหมิ่นเบื้องสูงแล้วเห็นว่ากลุ่มที่เข้ามาร่วมบางคนไม่เอาด้วย ทำให้เสียมวลชนก็เปลี่ยนแผน โดยสร้างภาพให้แนวร่วมเชื่อว่าเคารพเทิดทูนต่อสถาบัน ให้มีการยืนเคารพ ให้มีเพลงสดุดีมหาราชา ประชาชนแนวร่วมส่วนใหญ่ เคารพเทิดทูนสถาบันอยู่แล้ว ก็เต็มใจทำและเป็นแนวร่วม นปช.

เอาเถอะครับ พรุ่งนี้อะไรจะเกิดก็คงต้องเกิด

25 Nov 2008

พรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร ?


25 พฤศจิกายน 2551


หลังจากที่พันธมิตร ประกาศต่อสู้แบบอหิงสามาเป็นเวลาหกเดือน พยามที่จะขับไล่รัฐบาลหุ่นเชิด อดทนแม้จะเกิดเหตุการณ์วันที่ 7 ตุลาคม 2551 ที่มีการปะทะกับตำรวจ อย่างรุนแรง ทำให้เกิดการเสียชีวิต และบาดเจ็บของหมู่ผองเพื่อนชาวพันธมิตรเป็นจำนวนมาก

ทดทนผ่านเหตุการณ์ที่ต้องถูกโจมตีอยู่ฝ่ายเดียว แม้จัดการชุมนุมอยู่อย่างสงบในรัฐสภา ก็ยังถูกโจมตีด้วยระเบิด M79 อยู่หลายคืนตามคำขู่ของเสธแดง ซึ่งฝางเส้นสุดท้ายของเหตุการณ์นี้ก็คือการที่มีการระเบิดจนทำให้มีพันธมิตรเสียชีวิตไปอีกหนึ่งคน ทำให้ต้องประกาศการชุมนุมอย่างแตกหัก


เมื่อตำรวจไม่ควบคุมและห้ามปรามกลุ่มอันธพาล ที่ไล่โจมตีกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อเหลือง เหตุการณ์เอาคืนในวันนี้จึงต้องเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อผู้ถูกกระทำทดไม่ไหว ก็ต้องมีการตอบโต้เอาคืน โดยเฉพาะเมื่อสถานการณ์ตึงเครียดแบบนี้ (ดูแล้วก็เหมือนเด็กช่างกลตีกัน) แต่สิ่งที่ต้องระวังคือนอกจากกลุ่มพันธมิตร ซึ่งต่อสู้ด้วยความ สันติ มาโดยตลอด นั้น ไม่ใช่เพียงฝ่ายเดียวที่ไม่พอใจการทำงานของรัฐบาลที่พยามทำทุกอย่างเพื่อหาทางแก้รัฐธรรมนูญ ในกลุ่มนี้ย่อมมีพวกฮาร์ดคอ ที่พร้อมจะออกปฏิบัติการตอบโต้ด้วยความรุนแรง กองกำลังที่ไม่ทราบฝ่ายนี้จะเป็นใคร คงต้องเฝ้าติดตามกันเป็นอย่างดี


เหตุการณ์เกลือจิ้มเกลือคงกำลังรออยู่เบื้องหน้า รอจังหวะเพียงแต่ว่าใครจะลงมือก่อน


ด้วยความเคารพ ขอเป็นกำลังใจให้พันธมิตร ทุกท่านที่พยามต่อสู้อย่างสันติมาเป็นเวลากว่า หกเดือน


หากรัฐบาลยอมออก และมีกลุ่มการเมืองต่าง ๆ ยอมตกลงว่าจะไม่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ผมเชื่อว่าพันธมิตรจะยอมสลายตัว

23 Nov 2008

การต่อสู้ครั้งสุดท้าย กับ การต่อสู้เพื่อทักษิน

24/11/2008 ถนนวิภาวดีรังสิต

วันที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ประกาศการต่อสู้ครั้งสุดท้าย เพื่อขับไล่รัฐบาลนายสมชาย ที่ทำหน้าที่เป็นนอมินีของทักษิน อย่างเต็มความภาคภูมิใจ เพื่อรักษาผลประโยชน์ร่วมกันของกลุ่มการเมืองของตน ไม่มีใครรู้เหตุการณ์วันนี้จะเป็นอย่างไร จะจบลงด้วยความรุนแรงหรือไม่

ในช่วงบ่ายในขณะที่กลุ่มพันธมิตรมีการรวมพลเพื่อเดินทางไปยังสนามบินดอนเมือง กลุ่มชมรมวิทยุชุมชนคนแท็กซี่ ที่อยู่บริเวณวิภาวดีซอยสาม ได้รวมตัวกันเพือดักทำร้าย พวกพันธมิตรที่เดินทางผ่านถนนวิภาวดีบริเวณซอยสาม ดัวยการใช้หิน ไม้ เหล็ก หนังสติก คว้างทำร้ายรถที่ผ่านเส้นทางเส้นนี้ ตำรวจเดินทางมาเป็นจำนวนพอสมควรแต่ยืนดูอยู่ห่าง ๆ โดยไม่มีการดำเนินการใด ๆ ไม่เข้าห้ามปราม แต่ยืนคุยกันอยู่เป็นกลุ่ม ๆ ในขณะที่กลุ่มแท็กซี่ ดักขว้างรถที่ผ่านมา

เหตุการณ์วันนี้ หรือต่อไปนี้จะจบลงอย่างไร ?
เมื่อฝ่ายหนึ่ง ประกาศต่อสู้ด้วยความอหิงสา ไม่ใช้อาวุธ และยืนยันว่าจะ ไม่เผาไม่ทำลายสถานที่ราชกาล การใช้เพียงมวลชน มากดดันรัฐบาลให้ลาออก แม้ว่าจะเป็นการประกาศสงครามครั้งสุดท้าย ต้องชนะ
แต่ ภายใต้สภาวะการเมือง ที่เรามีผู้นำและนักการเมืองที่ขาดคุณธรรมความสุจริต ขาดมโนธรรม ขาดจริยธรรม และ สามารถพูดโกหก กลับไปกลับมาได้เป็นรายวัน
จากเหตุการณ์ วันที่ 7 ตุลาคม จนถึงวันนี้ผ่านไปเป็นเวลาเกือบสองเดือน รัฐบาลยังไม่แสดงความรับผิดชอบใด ๆ

มีคนหลายคน และหลายกลุ่มออกมาเสนอแนวทาง "สานเสวนา" "กฎหมายนิรโทษกรรม" เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายยุติ และกลับบ้านไป คำถามที่น่าขบคิดสำหรับกระบวนการเหล่านี้คือ จะสามารถแก้ปัญหาได้จริงหรือ ? หรือเป็นการแก้ปัญหาเพื่อให้กลุ่มใดได้ประโยชน์ ? แล้วคำว่าคุณธรรม ความถูกต้องของบ้านเมือง ของกฏหมายจะไปอยู่ที่ตรงไหน และจะมีความสำคัญอย่างไร เมื่อมีคนที่ทำผิด แล้วก็แก้กฏหมายกันเพื่อให้พ้นผิด

ว่ากันด้วยเรื่องของวันนี้ ไม่ว่าฝ่ายไหนแพ้ ก็จะไม่ใช่การยอมพ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์
หากผ่ายรัฐบาลพ่ายแพ้ ยอมลาออก หรือยุบสภา ซึ่งน่าจะเป็นไปได้ยาก แต่หากพ่ายแพ้ คนที่คุณรู้ว่าใครคงไม่ยอมแพ้และไม่หยุดอยู่เพียงเท่านี้แน่นอน คงมีการเปิดแนวรบใหม่ อาจจะด้วยการใช้กลไกของรํฐที่เหลืออยู่ทำให้ตนเองได้มีโอกาสจัดตั้งรัฐบาลใหม่ หรือปิดแนวรบป่วนเมือง เหมือนช่วงที่เคยมีการยืดอำนาจสมัยพลเอกสนธิ ที่เคยเกิดมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการเผาโรงเรียน หรืออื่น ๆที่เคยทำมา

หากพันธมิตรฯ เกิดอาการพ่ายแพ้ ประกาศสลายตัว ม้วนเสื่อกลับบ้าน ยกทำเนียบ-คืนทุกอย่างให้ “รัฐบาลสมชาย” บริหารประเทศต่อไป
คุณคิดยังไง ?
อะไรจะเกิดขึ้นกับการบริหารบ้านเมือง ของนักการเมือง (โปรดคำนึงถึงคุณภาพของนักการเมือง และศึกษาประวัติในสิ่งผ่านมาที่นักการเมืองแบบไทย ๆทำกันมา)
ท่านอาจมีความสุข ว่าไม่มีพันธมิตรแล้ว ไม่มีการชุมนุมแล้ว
แต่ท่านจะรับกับสิ่งที่นักการเมืองทำได้หรือไม่ แก้กฏหมายรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ 111 คนพ้นผิด
แก้กฏหมายเพื่อให้ตนเองมีอำนาจมากขึ้น มีนายทักษินกลับมามีอำนาจ(คนที่ทำให้ประเทศแตกแยกได้อย่างมากที่สุด)
โกงได้มากขึ้น โดยไม่มี พันธมิตรมากดดัน และตรวจสอบ
เหตุการทั้งหมดเกิดขึ้นมาเนื่องจากการสั่งสม จากสิ่งที่เกิดขึ้นจากการกระทำของอำนาจรัฐ ไม่มีเหตุผล ไม่มีจุดยืน ข่มขู่ให้ประชาชนหวาดกลัว ผลักมิตรไปเป็นศัตรูด้วยการตามเกมส์แบบล้างตา
เมื่อใดมีการกดขี่ เมื่อนั้นย่อมมีการต่อสู้
และการต่อสู้ของผู้ไม่ยอมจำนน ที่ขาดผู้นำจะเป็นอย่างไร ?
เหตุการณ์สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ดำเนินมาหลายปี จนถึงปัจจุบัน ยังไม่มีจุดจบ ด้วยเหตุผลเดียวกันคือ ความอยุติธรรมของผู้ปกครองบ้านเมือง












30 Oct 2008

ดูกระทิงเขาใหญ่ (หน่วยย่อย คลองปลากั้ง)



ภาพถ่าย : ไอ้ลูกทุ่ง (http://www.siamensis.org/)


หน่วยพิทักษ์เขาใหญ่ ขญ.4 คลองปลากั้ง เป็นหน่วยที่ตั้งอยู่เขตอุทยานรอบนอก ตั้งอยู่ ต.วังหมี อ.วังน้ำเขียว นครราชสีมา การเดินทางเข้าหน่วย สามารถมาได้สองทางคือ เดินทางมาทางถนน 304 ทางเข้าถนนเดียวกับทางเข้าเขาแผงม้า วิ่งเลยผ่านเขาแผงม้าไปอีก ระยะทางประมาณ 14 กม. และก็เป็นถนนที่สามารถขึ้นเขาใหญ่ได้ด้วย โดยหากวิ่งเพื่อไปขึ้นเขาใหญ่ก็จะประมาณ 80 กม.


สำหรับแผนการเดินทางในครั้งนี้ของผมเป็นการเดินทางแบบสบาย ๆ โดยเดินทางจากกรุงเทพ แต่เช้าแม้ตอนเดินทางจะมีฟ้าครื้ม และมีฝนตกเล็กน้อยในกรุงเทพ โดยใช้เส้นทางออกทางรังสิต มุ่งสู่สระบุรี มวกเหล็ก แล้วก็ใช้เส้นทางเข้าเขาใหญ่ทางด้านหน้า เมื่อถึงบริเวณหน้าด่านชำระค่าธรรมเนียมอุทยาน ด้านซ้ายมือจะมีถนน ซึ่งมีป้ายเส้นทางไปเขาแผงม้า การเดินทางไปคลองปลากั้ง ให้ใช้เส้นทางเดียวกันนี้ วิ่งไปอีกประมาณ 80 กม. กิจกรรมที่สามารถทำได้ก็คือ ดูกระทิงตอนเย็น หรือเดินดูนกตามทางที่เดินเข้าไปดูกระทิง การพักที่คลองปลากั้ง นักท่องเที่ยวต้องเตรียมอาหารมาให้เรียบร้อยเพราะที่นี่คนเที่ยวยังไม่มาก จึงไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากนัก และไม่มีร้านอาหาร สำหรับวันที่สองผมก็เดินทางย้อนกลับเส้นทางเดิมแต่เช้าเพื่อขึ้นเขาใหญ่ และเดินทางลงเขาใหญ่ทางปราจีนบุรีเพื่อเดินทางกลับเวลาเย็น ๆ


ขณะที่กำลังนั่งจิบกาแฟอยู่อย่างสสบายอารมณ์ ก็ได้ยินเสียงเจ้านกหัวขวานบินมาเป่าปาก วิ๊ดวิ้ว แซวสาว ๆ ที่มาพักตั้งแคมป์ ที่คลองปลากั้ง ก็เลยต้องออกเดินดูและเก็บภาพมาฝากกันครับ


10 Oct 2008

ลูกผู้ชาย 100%

ลูกผู้ชาย 100% แล้วครับ
26-09-2008

หลังจากที่เดือนที่แล้วยังดูไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ วันนี้ก็เลยต้องดูกันอีกทีครับ 24 สัปดาห์ สามวัน


ชัดเจน ครับ ลูกผู้ชาย 100,000 %
สุขภาพแข็งแรงดีทั้งแม่และลูก โดยเฉพาะคุณแม่ ช่วงนี้หน้าใสกว่าตอนยังไม่ท้องอีก




9 Oct 2008

หมู่เกาะสุรินทร์ เดินชมป่า พาเที่ยวบ้านมอแกน

เส้นทางเดินป่าที่ไม่ไกลมาก มีบ่าง (แต่ไม่ช่างยุ) รอต้อนรับพวกเรา

ผมชอบของเล่นของเด็กมอแกนมาก ๆ เลยครับ เด็กน้อย วิ่งลงชายหาดพร้อมกับกระป๋อง และอ่างใบใหญ่ ช่วยกันไล่จับปูเสฉวนที่เดินออกมามากมายตามชายหาดในยามเย็น

เจ้าปูพวกนี้เป็นของเล่นชั้นดีของเด็ก ๆ ครับ เด็กในเมืองอาจเล่นรถบังคับ วิดีโอเกมส์ เกมส์ออนไลน์ แต่เด็กมอแกน บนเกาะเล็ก ๆ นี้มีของเล่นที่ผูกพันธรรมชาติ และสอนให้พวกเค้าเคารพในคุณค่าชีวิตสัตว์ครับ

เมื่อเด็ก ๆ ช่วยกันจับปูมาได้เป็นจำนวนมากพอ ก็จะช่วยกันขุดหลุมทรายขนาดใหญ่ครับ จากนั้นเค้าก็จะเทปูทั้งหมดลงไปในหลุมครับ (ไม่ใช่เทลงไปแล้วกลบทราบทับนะครับ ทำแบบนั้นมันโหดร้ายเกินไป และไม่ใช่เรื่องที่เด็ก ๆ คิดจะทำ) แล้วก็มีการปักกิ่งไม้ที่มีกิ่งมากมายลงไปกลางหลุม เจ้าปูน้อยเหล่านี้ก็จะปีนขึ้นตามกิ่งไม้ ตัวไหนแข็งแรกก็ปีนได้สูงได้เร็ว

เมื่อเด็ก ๆ เล่นกันเบื่อแล้วก็จะเอาปูทั้งหมดกลับไปปล่อยที่ชายป่า ให้เค้าดำเนินชีวิตของเค้าต่อไป

18 Sept 2008

การเดินทางสู่หมู่เกาะสุรินทร์


ไม่มีคำบรรยาย เพียงมีหัวใจรักการเดินทาง

ทุกเส้นทางที่ผันผ่าน มิตรภาพ ความฝัน ความจริง

ทุกสิ่งผ่านตา หลายอย่างกระทบใจ

จดจำไว้เพียงสิ่งดี

ดำน้ำดูปลา ชมความงามป่าปะการัง ที่หมู่เกาะสุรินทร์


บันทึกความสวยงามของทะเลไทยที่หมู่เกาะสุรินทร์ อีก 10 ปีข้างหน้า เมื่อชีวิตรุ่นหลังเติบโต พาลูก พาหลาน กลับมาที่นี่อีกครั้ง จะเหลือสิ่งเหล่านี้ให้เด็ก ๆ ดูหรือเปล่านะ ?

เป็นคำถามที่ผม และหลายคนไม่กล้ายืนยันในคำตอบ เพราะทุกวันนี้คนไทยหลายคน ยังคงใช้ทรัพยากรอย่างสิ้นเปลือง นักการเมืองและนักธุรกิจยังคงหวังกอบโกยผลประโยชน์ทางธุรกิจการท่องเที่ยว โดยมีคำว่าการอนุรักษ์เป็นเพียงข้ออ้าง และนโยบายที่ไม่มีการนำไปปฎิบัติอย่างจริงจัง

ผมนั่งนึกถึงสภาพอุทยานที่อาจต้องถูกเปลี่ยนให้ไปดำเนินการโดยเอกชน ต้องมีตึกสวย มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ราคาค่าบริการการท่องเที่ยวที่สูงขึ้นเพื่อผลกำไรทางธุรกิจ ต้องเอาคนมาเที่ยวมาก ๆ เมื่อถึงวันนั้น ธรรมชาติคงรองรับไม่ไหนแน่ ๆ ครับ แล้วเราจะเหลืออะไรไว้ให้ลูกหลาน หรือจะเหลือเพียงภาพถ่ายและนิทานที่เล่าถึงความสวยงามของทะเลไทย

10 Sept 2008

ลูกชายครับ 90%

ภาพสัปดาห์ที่ 19 ถ่ายเมื่อ 28 สิงหาคม 2551

โรงพยาบาลเปาโล สะพานควาย กรุงเทพมหานคร



วันนี้ก็มีการแอบลุ้นกันแบบเล็ก ๆ น้อย ๆ ว่าจะได้ลูกชายหรือลูกสาว ตั้งใจว่าจะซาวน์แบบ 4 มิติ แต่หมอบอกว่า ตอนนี้ต้องแบบธรรมดาก่อนเพราะจะดูความสมบูรณ์ของเด็กก่อน หากต้องการดูแบบ 4 มิติ ต้องรอตอนเด็กโตแล้ว

หมอก็ตรวจดูอัวยวะ ต่าง ๆ ทั้งภายนอกภายในว่ามีครบสมบูรณ์หรือเปล่า มีนิ้วครบไหม อวัยวะภายใน แล้วก็วัดความเจริญเติบโตของอวัยวะต่าง ๆ



ตอนนี้วันความยาวของต้นขาได้ 2.95 cm. ก็เจริญเติบโตปกติ กำหนดวันคลอด 21-01-2009

ต่อไปลูกจะเริ่มดิ้นเยอะขึ้นแล้วนะ




จากนั้นก็ตรวจดูโน่นดูนี่ แล้วก็ดูว่าเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง

ตึก ตึก ....

ตึก ตึก ....... ตื่นเต้นเหมือนกันเฮะ จะผู้ชายหรือผู้หญิงวะ

เห็นหมอเลื่อนอุปกรณ์ไปมา ก็มองตามรูปที่ปรากฏบนจอ แม้ดูไม่ค่อยออกแต่ก็เดาเอาว่า ไอ้นั่นนะ กระจู๋ แน่ ๆ ซักพักหมอก็เอาเมาท์ไปคลิ๊กแล้วก็บอกว่า น่าจะผู้ชาย90 % แล้วละ

(แอบนึกในใจสงสัยอีก 10 % หมอจะให้ไปลุ้นเอาตอนโต)







2 Sept 2008

ออกไปเถอะครับ ท่านนายก ฤา ท่านต้องการมีอำนาจอยู่บนหายนะของประชาชน และประเทศไทย

คืนที่ผ่านมา ไม่น่าเชื่อว่า รัฐบาล ที่เอ่ยอ้างมาตลอดเวลาว่ามาจากการเลือกตั้ง (ผมมาจากการเลือกตั้งผมไม่ได้ทำอะไรผิด ผมไม่ยุบ ผมไม่ออก) และบุคคลที่ร่วมอยู่กับรัฐบาล
จะยอมให้เกิดการเข้าปะทะ ทำให้ประชาชนฆ่ากันอย่างถูกกฏหมาย ด้วยความเชื่อทางการเมืองที่แตกต่างกัน
เพื่อหวังผลทางการเมืองเพื่อประกาศสภาวะฉุกเฉิน หวังว่าจะสร้างความชอบธรรมให้ตนเอง หวังว่าจะยืมมือทหาร
มาดูกันเถิดครับ ................... ใครน่าจะเป็นคนจุดชนวนให้เกิดเหตุการณ์
ใครอยู่ในที่ตั้ง
ใครที่เคลื่อนขบวนบุก
ใครที่ยอมเปิดทางให้เกิดเหตุการณ์ (ดูไปแล้วคล้าย ๆ ที่เกิดที่อุดร)
และสื่อมวชนของประเทศนี้เป็นอย่างไร
ใครเสนอข่างจากมุมไหน
ใครเอียงจนแทบไม่เหลือจรรยาบรรณ
และทำไม หลายจอยังคงมีแต่ละคร
ทำไม ไม่มีรายการที่เกาะติด วิเคราะห์ และช่วยกันเสนอความจริงและทางออกของปัญหาระดับประเทศนี้
หรือจะรอให้ประเทศนี้ล่มจมไปพร้อมกับละครน้ำเน่า
ดูกันเถิดครับ เพื่อน ๆ และพี่น้อง
พิสูจน์ สังคมไทยอีกครั้งหนึ่ง










ประชาชน ตาย เจ็บ ไม่ว่าฝ่ายไหน ล้วนประชาชน พี่น้องคนไทย
ไม่มีใครแพ้หรือชนะ
โปรดเถอะนายก แสดงความรับผิดชอบ แสดงภาวะผู้นำที่สง่างาม
แสดงจิตสำนึก ความรับผิดชอบ หากยังพอมีเหลืออยู่ในส่วนลึกของจิตใจท่าน
ฤา ท่าน ต้องการเพียงอำนาจ และชัยชนะ
บนซากศพของประชาชน
บนความเจ็บช้ำของประเทศ
โปรดเถอะสื่อมวลชน ทำหน้าที่ของท่านให้สมบูรณ์และสง่างาม
สำหรับผม คงต้องทำตามที่ท่านนายก ต้องการให้ประชาชนเลือกข้าง
ผมขออยู่ฝั่งตรงข้ามกับท่าน และไม่ยอมรับ การประกาศภาวะฉุกเฉิน

20 Aug 2008

12ปี ee43

หนังสือรุ่น 10 ปี ee43#

19 Aug 2008

5 Days in Umpang (VDO)

5 Day in Umpang



บันทึกทริปแรกหลังการแต่งงาน







หนึ่งปี สองปี เวลาเดินทางผ่านไปเรื่อย ๆ เหมือนสายน้ำที่ถั่งโถมลงมาจากหน้าผาสูงชันและยิ่งใหญ่อลังการของน้ำตกทีลอซู ที่ยังคงถาโถมลงมาอย่างไม่ขาดสายเพื่อหล่อเลี้ยงชีวิตใหญ่น้อย ภายใต้สายน้ำเย็นเยียบ หล่อเลี้ยงผู้คนต้นน้ำ ไปจนถึงปลายน้ำที่ลู่น้ำแม่กลอง การเดินทางครั้งนี้เป็นการเดินทางครั้งแรกที่ผมมีแว่นตาดำน้ำ ติดตัวไปด้วย ภายใต้สายน้ำเย็น แต่ใสราวแผ่นกระจก ทันทีที่เราได้จุ่มตัวลงไปในสายน้ำ ความเย็นแสนเย็นกระทบกับผิวกาย หนาวสะท้าน ไปทั้งกาย แต่เมื่อเราจุ่มหัวลงไปในสายน้ำ ภาพที่ปรากฎต่อสายตาของเราผ่านกระจกกันน้ำคืออีกโลกหนึ่ง ชิวิตเล็ก ๆ ซึ่งมักเปราะบางต่อการเปลี่ยนแปลง ที่เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติแห่งนี้มาช้านาน โชคดีของน้ำตกทีลอซูแห่งนี้ที่อยู่ห่างไกล และไม่อนุญาติหให้นักท่องเที่ยวเอาสบู่ ยาสระผม เข้ามาอาบน้ำ กันที่น้ำตก แต่สิ่งที่ผมเห็นอาจถูกต้องเพียงช่วงเวลานี้ที่ผมยืนอยู่ที่นี่ เพราะยังไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากถาโถมเดินทางเข้ามาชมความงาม ของน้ำตกทีลอซู หากเป็นช่วงเวลานั้นจริงผมอาจได้เห็นภาพที่ต้องทำให้หงุดหงิดใจ อาจเห็นได้เห็นภาพสาวลงเล่นน้ำพร้อมสบู่และยาสระผม ด้วยความสนุกสนานโดยไม่รู้ว่า ตนเองกำลังเบียดเบียน ชิวิตเล็กอื่น ๆ (จะบ่นทำไมเนี่ย ไม่บ่นดีกว่า) กลับไปเริ่มต้นการเดินทางกันที่ ริมน้ำป่าคารีสอร์ท (http://www.rimnampakha.com/)


จากกรุงเทพสู่ตาก จากตากเข้าสู่อุ้มผางดินแดนในอ้อมกอดของขุนเขา ซึ่งกว่าจะเข้ามาถึงที่นี่ได้จะต้องผ่านถนนลอยฟ้า ที่ตัดผ่านทิวเขาลูกแล้วลูกเล่า ผ่านเส้นทางมาได้ครึ่งทางกว่า ๆ ก็ทำเอาสมาชิกเราหลายคนเริ่มเมาโค้ง จนต้องหยุดพักสายตาสูดอากาศบริสุทธิ์ ก่อนเดินทางกันต่อ ในที่สุดก็มาถึงที่พักตอนบ่าย ๆ ริมน้ำป่าคารีสอร์ท คุณอั้มรอรับพวกเราและจัดเตรียมที่พักไว้ให้เรียบร้อย เป็นบ้านพักสองชั้นสองห้องนอน บริเวณรีสอร์ท ด้านหลังติดคลองเล็ก ๆ บรรยากาศร่มรื่น และอาหารอร่อย

จากอุ้มผางสู่น้ำตกทีลอซู

การเดินทางจากอุ้มผากไปถึงน้ำตกทีลอซู เดี๋ยวนี้ไม่ยากลำบากเหมือนสมัยก่อนแล้วครับ เพราะเส้นทางจากอุ้มผางถึงน้ำตกทีลอซู ปัจจุบันเป็นถนนลาดยางรถวิ่งกันแสนสบาย ผิดกับสมัยก่อนที่เป็นลูกรัง ฝนตกมาทีนี่วิ่งไปกันแทบไม่ได้ต้องทั้งดึงทั้งลากกันไป ก็เป็นไปตามการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยครับ เราเดินทางจากอุ้มผางโดยใช้วิธีการล่องแก่ง ไปยังผาเลือดแล้วก็ต่อรถไปจนถึงน้ำตกทีลอซู สำหรับเส้นทางจากอุ้มผางถึงผาเลือดนี้เป็นการล่องเรือยางแบบสบาย ๆ ครับ เพราะไม่มีแก่งมาก เป็นการล่องเรือชมนกชมไม้ และชมความงามของน้ำตกสองฝากฝั่ง และหน้าผาสูงที่ต้องนอนชมความงาม น้ำตกระหว่างทางที่จะได้ชมความงามได้แก่ น้ำตกทีลอจ่อ ซึ่งก็จะมีหาดทรายให้จอดเรือให้นักท่องเที่ยวได้ลงไปพักผ่อ่นและถ่ายรูปกันตามสบาย น้ำตกสายรุ้งที่เป็นละอองน้ำกระจายทั่วสะท้อนกับแสงอาทิตย์ ส่องประกายให้เกิดภาพรุ้งงามประทับใจนักเดินทาง ล่องกันไปเรื่อย เรื่อย ก็ชมความงามของหน้าผาต่าง ๆสองข้างทาง หากสังเกตดี ๆ ก็จะได้เห็นนกต่าง ๆ กิ้งก่า หรืองูข้างทาง บนยอดผาสูงบางแห่งจะมีต้นจันผาขึ้นเรียงเป็นทิวสวยงาม


อีกจุดหนึ่งซึ่งเรือจะจอดพักให้ในการเดินทางก็คือบริเวณ บ่อน้ำร้อน ซึ่งผมคิดว่าเป็นความมหัศจรรย์ธรรมชาติอีกอย่างหนึ่งที่บรรจงสร้างสรร ให้มีบ่อน้ำร้อน อยู่ใกล้ ๆ กับสายน้ำ ซึ่งบ่อน้ำร้อนก็จะมีน้ำร้อนไหลออกมาตลอดปี จากจุดนี้ก็ล่องเรือกันเรื่อยเปื่อยผ่านแก่งต่าง ๆ เรียกความสนุกเล็ก ๆ น้อย ๆ ระหว่างทาง และไปสุดการเดินทางในสายนที ที่บริเวณบ้านผาเลือด จุดเริ่มต้นการเดินทางอีกครั้งด้วยรถเพื่อเข้าสู่น้ำตกทีลอซู สมัยที่ผมเดินทางไปเมื่อประมาณสองปีที่แล้วเส้นทางสายนี้กำลังทำถนนลาดยางจากผาเลือดเข้าสู่ตัวน้ำตก คาดว่าปัจจุบันทางคงสะดวกสบายมากแล้วครับ

สุดยอดจริง ๆ ครับ อลังการน้ำตกทีลอซู ขอให้ช่วยกันดูแลธรรมชาติที่งดงามแบบนี้คงอยู่กับเราไปนานที่สุดนะครับ

18 Aug 2008

โมเดลกระดาษ ตัวที่1

Caucasus Beetle

ขณะที่ทุกสิ่งภายนอกกำลังวุ่นวาย จิตใจกำลังสับสน เมื่อปลายมีดคัทเตอร์จดลงบนแบบกระดาษ ทุกสิ่งที่วุ่นวายอยู่ในหัวจากเรื่องรบกวนภายนอกก็จบลง ความตั้งใจทั้งหมด ไปจรดอยู่ที่ปลายมีดที่กำลังกรีดลงชิ้นส่วนเล็ก ๆ แต่ละชิ้น เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วกว่าที่ใจคิดไว้ ยังทำการตัดชิ้นส่วนไปได้ไม่เท่าไหร่ ก็เป็นเวลาตีหนึ่ง แล้วสำหรับการเริ่มงานวันแรก เพื่อสร้างเจ้าแมลงกระดาษตัวนี้
เวลาผ่านไปสาม สี่วัน ส่วนประกอบต่าง ๆ ก็ถูกกองไว้เต็มไปหมด เริ่มประกอบทีละชิ้น ทีละชิ้น เริ่มไม่แน่ใจว่าหน้าตาของงานชิ้นแรกจะออกมาเป็นอย่างไง
จะสำเร็จหรือเปล่า ? แต่ละชิ้นส่วนที่ประกอบจะลงตัวพอดีไหม ?


แล้วก็ได้ผลงานออกมาอย่างที่เห็น นี่แหละ


กว่าจะสำเร็จได้ เหนื่อยเหมือนกันครับ ตัวนี้มีขนาดจากเท้าหน้าถึงเท้าหลังคู่สุดท้าย ยาวประมาณฝ่ามือครับ เดี๋ยวรอดูตัวต่อไปนะครับ จะทำให้มีขนาดประมาณเท่าตัวจริง แต่จะเป็น ด้วงพันธุ์ไหมรอดูแล้วกันนะ





17 Aug 2008

นกกระจาบ

7:10 น. 16 สิงหาคม 2008
ยินดีต้อนรับสู่บึงบอระเพ็ด อีกครั้ง เสียงทักทายจากนกเจ้าฟ้าหญิงสิรินทร สองตัวที่ยืนเฝ้าทางเข้าอุทยานมานานแสนนาน จนขนที่ปลายหางเริ่มหักพังลงไปตามกาลเวลา ส่งเสียงต้อนรับก้องอย่างในหัวผมทุกครั้งที่แวะผ่านเข้ามาที่อุทยานนกน้ำแห่งนี้ วันนี้จะเจออะไรบ้างนะเป็นคำถามที่มักเกิดขึ้นในการสนทนาทุกครั้งที่มีการเดินทาง เพราะในสถานที่แห่งเดิม แต่ในช่วงเวลาที่แตกต่างกันไปในแต่ละช่วงฤดู ธรรมชาติได้จัดสรรช่วงเวลาที่เหมาะสม เพื่อการดำรงค์อยู่ของชิวิต และสายพันธ์ต่าง ๆ ในโลกนี้ไว้แล้วอย่างสลับซับซ้อน และลงตัว เกี่ยวร้อยความสัมพันธ์ระหว่างชีวิตต่าง ๆ เป็นสายโยงใยเล็ก ๆ ที่ไม่อาจมองเห็นได้ด้วยสายตา หรือความคิดอันสลับซับซ้อนที่มนุษย์เราเชื่อมั่นว่ามีเหนือและเก่งกว่าเผ่าพันธุ์ต่าง ๆในโลกนี้

แต่เราก็ยังไม่สามารถรู้ได้ว่าทำไม เต่าทะเลจึงสามารถว่ายน้ำข้ามมหาสมุทรแสนไกล กลับมายังบ้านเกิดของมันได้อย่างถูกต้องโดยไม่ต้องมี GPS ทาง

ทำไมเจ้านกน้อยถึงต้องบินไกลข้ามทวีป เพื่อมาสถานที่แห่งเดิมทุก ๆ ปี

รถวิ่งเลี้ยวเข้าสู่ถนนคอนกรีต ทางเข้าอุทยาน สองข้างทางในเดือนสิงหาคมนี้ มีพืชไร่ที่ชาวบ้านลงไว้พอสมควร น้ำในบึงคงจะสูงเต็มฝั่งหลังจากฝนตกลงมาหลายวัน บนสายไฟฟ้าข้างทาง มีนกเกาะอยู่มากไปหมดตลอดทาง นกจาบคาหลายตัวโผบินอยู่ไม่ไกลจากเสาไฟฟ้า แล้วผมก็ต้องจดรถเพราะเห็นว่ามีต้นไม้ไกล ทางออกไปต้นหนึ่งเกาะเต็มไปด้วยนกจาบคา ภาพจากกล้องสองตาทำให้ได้เห็นสีสันที่สดใสสวยงามของนกหลายตัวที่เกาะอยู่บนต้นไม้

เก็บเอามาฝากครับ ชีวิตน้อย ๆ

11 Aug 2008

เที่ยวดอยอินทนนท์ ตอนที่ 1 เดินทางขึ้นดอย VDO

วิดีโอ บันทึกการเดินทางไปดอยอินทนนท์ครับ
อันนี้เป็นของเก่าเก็บมานาน 1 ปี หลังจากเดินทางไปเที่ยวถึงจะได้เอาออกมาทำให้เสร็จ ตอกย้ำความคิดถึงดอยสูงแห่งนี้


เดินทางขึ้นไปช่วงเดือนสิงหาคม อากาศปิดอย่างมาก ทำให้ไม่ได้เห็นอะไรหลาย ๆอย่าง น่าเสียดายจริง ๆ แล้วติดตามตอนที่สองต่อนะครับ

5 Aug 2008

คนท้องพาเที่ยวเขาใหญ่แบบสบาย ๆ

เที่ยวเขาใหญ่แบบชิว ชิว 02 สิงหาคม 2551


อาทิตย์นี้แฟนผมก็ท้องได้15 สัปดาห์แล้ว หลังจากต้องอยู่บ้านไม่ได้ไปไหนมานานหลายเดือน ก็เลยต้องพาไปพักพ่อนแบบสบาย ๆ ขับรถไม่ไกลมาก และไม่ต้องไปเดินอะไรมาก จุดหมายครั้งนี้ก็เลยไม่พ้นอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่


โปรแกรมเที่ยวนี้เป็นทริปแบบสบาย ๆ ตื่นสาย ๆ ออกเดินทางแบบเรื่อย ๆ ประมาณว่าจะให้ขึ้นไปถึงบนเขาใหญ่เย็น ๆ ซักสี่โมง แล้วก็กางเต็นท์ แล้วออกไปนั่งรอดูเก้ง กวาง ที่จะออกมาหากินตามทุ่งเวลาเย็น ๆ ดูนกบินกลับรังตัดกับขอบฟ้าและแสงอาทิตย์ยามอัสดง





============================================================


เก้าโมงเช้าเสียงโทรศัพท์ Moto Q ก็ดังขึ้นตรงเวลาที่สุดสำหรับเพื่อนคนนี้ 'เฮ้ยกูถึง itSquare แล้วนะ' เสียงจากต้นทางทำให้ผมต้องรีบอาบน้ำและขนของขึ้นรถแบบด่วนที่สุด เพราะเป็นเวลาที่ผมนัดให้โอมมาเจอกันที่ iTSquare ก่อนออกเดินทาง และนี่ก็จะเป็นการไปเที่ยวเขาใหญ่ครั้งแรกของเพื่อนผมคนนี้


10 โมงเช้าแวะกินอาหารเช้าข้าวหน้าเป็ด ข้าวหมูแดงร้านประจำที่ผมมักจะแวะไปฝากท้องเมื่อผมต้องเดินทางออกทาง โดยออกทางวิภาวดี-รังสิต ร้านนี้อยู่ในซอยเข้ามหาวิทยาลัยรังสิต อิ่มท้องแล้วก็ขับเรื่อยเปื่อยออกนครนายก จุดหมายแรกก็มุ่งหน้าน้ำตกวังตะไค้ร และเขื่อนคลองท่าด่าน เพื่อทานข้าวกลางวันและลงแช่น้ำเล่น ที่จริงบริเวณแถวนี้ก็มีรีสอร์ท และโฮมสเตย์ให้เลือกพักอยู่จำนวนมาก หากใครอยากเดินทางมาพักผ่อน สบาย ๆ ใก้ล ๆ กรุงเทพก็เป็นที่ ๆน่าสนใจไม่น้อย แต่จุดมุ่งหมายของผมคือเขาใหญ่ครับ เพราะคิดว่าน่าจะมีอะไรให้ผมและเพื่อนดูมากกว่าการนอนดูทีวีอยู่ในบ้านพักใก้ล ๆ ตัวเมือง


บ่ายสามโมงกว่า ๆ รถของผมก็ขับมาถึงทางขึ้นเขาใหญ่ แวะจ่ายค่าธรรมเนียมที่ด่านก็เลยสอบถามถึงเรื่องการจำกัดนักท่องเที่ยวที่เป็นข่าวอยู่ ก็ได้ความว่ายังไม่มีการจำกัดอะไร เพราะยังไม่มีหนังสือแจ้งมาอย่างเป็นทางการ (อ้าวเป็นงง แล้วออกข่าวซะ..) การขับรถขึ้นทางด่านปราจีนบุรี หากมีเวลาและขายังมีกำลังพอก็ควรจะแวะ น้ำตกเหวนรกซึ่งเป็นน้ำตกหนึ่งที่ขึ้นชื่อเลยนะครับ


เดี๋ยวนี้ทางเดินต่าง ๆเค้าทำไว้ดีมากเป็นทางคอนกรีต และบันไดที่จะเดินลงไปดูน้ำตกก็เปปลี่ยนเป็นบันไดคอนกรีต ที่แข็งแรก ผิดกับเมื่อปีก่อนที่ยังเป็นบันไดไม้แคบ ๆ ผุ ๆ แต่ก็ได้อารมณ์กันไปคนละแบบนะครับ บันไดเก่า ๆ ใก้ลพังมันก็ทำให้เราได้รู้สึกถึงความลำบากก่อนที่จะได้เสพความงาม และละอองน้ำจากสายน้ำตกที่ไหลลงมากระทบโขดผาหินฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ แต่ทำใหม่ก็ดีครับรู้สึกปลอดภัยดีสำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมา และทำให้คนแก่เดินได้ง่ายขึ้น



วันนี้ที่ผมมาถึงสายน้ำตกก็อยู่ในระดับที่แรงใช้ได้เลยครับ สายน้ำเต็มหน้าผาที่ถาโถมลงมาอย่างบ้าคลั่ง ปิดบังแผ่นหน้าผาสีดำเบื้องหลังจนมิด รอบบริเวณปกคลุมไปด้วยละออกน้ำที่ฟุ้งกระจาย จนแทบจะไม่กล้าเอากล้องออกมาถ่ายภาพ (แต่ความอยากถ่ายภาพสวย ๆ มาเก็บไว้มักมีมากกว่าความกลัวเสมอ)


ออกจากน้ำตกด้วยความสดชื่นที่ได้เหมือนได้รับการเติมพลังจากสายน้ำตกที่อลังการอยู่เบื้องหน้า ก็เดินทางสู่จุดกางเต็นท์ ลำตะคอง


จุดกางเต็นท์ ที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จะมีอยู่สองจุดใหญ่ ๆ ครับ คือจุกกางเต็นท์ผากล้วยไม้ และจุดกางเต็นท์ลำตะคอง สำหรับคนที่ไม่ชอบการกางเต็นท์ก็สามารถจองบ้านพักในอุทยานได้ครับซึ่งก็มีอยู่หลาย ๆ โซนให้เลือกพัก สำหรับผมยังไม่เคยใช้บริการบ้านพักบนอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่เลยครับ เพราะชอบบรรยากาศการกางเต็นท์มากกว่าและการเดินทางมาแต่ละครั้งก็มากันไม่กี่คน


ทุ่งกวางและการขับรถชมวิว บนเขาใหญ่สามารถที่จะมีโอกาศได้พบสัตว์ป่ามากเลยครับ สิ่งที่ผมคิดว่าทุกคนที่มาเขาใหญ่ต้องได้พบและเห็นอย่างแน่ ๆ ก็คือเก้ง และกวางครับ สามารถพบเห็นได้ง่ายในเวลาเย็น ๆ โดยขับรถเส้นสนามกอลฟ์ หรือไปจอดรถรอดูที่บริเวณ โป่งทุ่งกวาง สำหรับการเดินทางในครั้งนี้ผมก็โชคดีที่ได้มีโอกาสได้เห็นหมาป่า บริเวณโป่งทุ่งกวางในขณะที่ไปเฝ้ารอดูอยู่ในเวลาเย็น เดิมทีตั้งใจว่าจะไปรอดูกวาง และนกที่จะบินกลับรัง แต่กลับพบว่ามีหมาป่าหลายตัวออกมาบริเวณโป่ง ถึงจุดสุดยอดไปหนึ่งครั้งสำหรับการเดินทางวันนี้

แล้วจุดสุดยอดครั้งที่สองของวันนี้ก๊คือขณะที่กำลังขับรถจากที่ทำการอุทยานเพื่อกลับไปยังจุดกางเต็นท์ลำตะคอง เมื่อผมขับรถเลี้ยวขวาที่สามแยกเพื่อไปจุดกางเต็นท์ได้ไม่เท่าไหร่ ก็พบรถกระคันหน้าผมคันหนึ่งจอดนิ่งกางถนน เมื่อผมขับไปถึงก็เห็นเจ้าพลางเชือกหนึ่งกำลังมีความสุขอยู่กับการหาอาการกินอยู่ข้างทาง พวกรถที่ขับตามมาทุกคันจอดดู ผมรีบหยิบกล้องวีดีโอ เพื่อบันทึกภาพทันทีเพราะเดินทางมาเที่ยวเขาใหญ่ก็หลายทีเพิ่งมีวันนี้ที่มีโอกาสได้เจอช้างบนเขาใหญ่
----------------------------------------------------
คนหากิน สัตว์หากิน เราไม่เบียดเบียนกันและกัน
ต้นไม้งาม คนงดงาม งามน้ำใจไหลเป็นสายธาร
ทุกชีวิตทุกฝ่ายเบิกบาน มีคนมีต้นไม้ มีสัตว์ป่า

17 Jul 2008

เพลงเลือดอีอี

22 Jun 2008

ชีวิตใหม่ มหัศจรรย์ธรรมชาติ

17 มิถุนายน 2551 ภาพถ่ายจากเครื่องอัลตราซาวด์ ทำให้ผมและแอร์ได้เห็นภาพชีวิตใหม่ที่กำลังพัฒนาขึ้น อายุ 8 สัปดาห์ 6 วัน ความยาวของร่างกาย 2.6 เซ็นนติเมตร แต่กว่าจะถึงวันนี้ได้ก็ต้องระวังแทบแย่ เนื่องจากคุณแม่มีอาการภาวะแท้งคุกคาม วันนี้เป็นวันที่มาฉีดยากันแท้งเข็มที่สาม ซึ่งก็น่าจะปลอดภัยแล้วเพราะการพัฒนาการของชีวิตน้อย ๆ มีการพัฒนาเติบโตอย่างปกติ วันนี้สามารถเห็นหัว ตุ่มแขนและขาเริ่มงอกออกมาเป็นตุ่ม หมอได้ให้ฟังเสียงหัวใจเต็นด้วย ดังตึง ๆ ๆ ๆ เร็วมาก ๆ มองเห็นส่วนที่เป็นไขสันหลัง และมีการขยับตัวขณะที่ทำการอัลตราซาวด์ ด้านบนที่เห็นเป็นถุงกลม ๆ เป็นส่วนที่จะพัฒนาเป็นส่วนที่จะให้อาหารกับเด็กในครรภ์

หากจะคำนวณวันเวลาที่กำเนิดชีวิตเล็ก ๆ มีการปฎิสนธิขึ้นก็น่าจะเป็นประมาณวันที่ 27 เมษายน 2551 แต่หากจะคำนวณตามหลักสากลนิยมโดยถือเอาวันที่ออกจากท้องแม่ มาดูโลกภายนอกก็น่าจะประมาณวันที่ 21 มกราคม 2552

10 Jun 2008

หมู่เกาะสุรินทร์ เดินไปเดินมาค้นหาชีวิต

เจ้าตัวเขียวแบบนี้พบได้ทั่วไปบนเกาะสุรินทร์ ตามต้นไม้บริเวณชายหาด สอดส่องสายตาให้ดีก็จะพบพวกมันออกมาเดินหากินตามต้นไม้

ลักษณะเจ้าตัวนี้คล้างแมลงชีปะขาวแต่ไม่น่าจะใช่เพราะตัวใหญ่กว่ามาก ๆ

จิ้งจกที่เกาะอยู่บริเวณศาลาพักกาย บริเวณจุดจอดเรือด้านหลังหาดที่ติดต่อกับอ่าวช่องขาด

ปลาตีน มีให้เห็นอยู่มากมาย กระโดดรวดเร็วอยู่ตามพื้นทรายบริเวณที่มีป่าโกงกางขึ้นอยู่ น่ารักดีครับ

เจ้าตัวนี้เป็นปูเสฉวนวัยอาวุโส ขนาดก็ใหญ่กว่ากำมือพอสมควร แต่เจ้าตัวเล็ก ๆ นี่ซิมีให้พบเห็นเต็มไปหมด โดยเฉพาะในเวลากลางคืน เจ้าพวกนี้จะส่งเสียง หรีด หรีด แล้วพากันเดินออกมาเต็มไปหมด บ้างก็ปีนต้นไม้กันก็มีอยู่มาก

ค่างน้อยตัวนี้โชคดีที่มีโอกาสได้พบเจอ ตัวนี้เป็นตัวเมีย มีลูกน้อยเกาะอยู่ที่ท้องด้วย หากเป็นสมัยก่อนที่มีอยู่จำนวนมากเค้าว่าเลือดของเจ้าพวกนี้มีสรรพคุณทางยาดีนัก เอาเลือดสด ๆ ผสมเหล้ากินช่วยลดอาการปวดเมื่อยได้อย่างดี อันนี้ก็ไม่รู้ว่าจริงแท้แค่ไหน แต่อย่างไปทำร้ายมันเลยนะครับ









หมู่เกาะสุรินทร์ สนุกสุดจินตนาการ ตอนที่ 1

บันทึกการเดินทาง หมู่เกาะสุรินทร์ มีนาคม 2551

หมู่เกาะสุรินทร์ ทะเลไทยที่มีชื่อเสียงว่าสวยงามติดอันดับโลก ที่ใคร ๆ ต่างก็เฝ้าหวังว่าจะได้มีโอกาสซักครั้งที่จะเดินทางมาเพื่อชมความงามของโลกใต้ทะเลไทย ในฝั่งทะเลอันดามัน ถึงแม้เป็นเพียงการดำน้ำแบบลอยตัวผิวน้ำคุณก็จะได้พบกับโลกอันสุดแสนมหัศจรรย์ ที่ธรรมชาติได้บรรจงสรรสร้างผ่านกาลเวลายาวนาน กว่าช่วงชีวิตของคนเราเหลือประมาณ แม้บางช่วงเวลาที่ผ่านมาหมู่เกาะสุรินทร์ ได้ถูกการทำลายโดยกฎของธรรมชาติ อย่างเช่นการเกิดมหัตภัย สึนามิในเช้าวันอาทิตย์ที่ 26 ธ.ค.2547


เวลาสามปีที่ผ่านมา ช่วยให้ธรรมชาติที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์ และปลอดจากการรุกรานของมนุษย์ อย่างรุนแรงและหวังเพียงการกอบโกย ก็พยามฟื้นฟูดูแลสุขภาพของตนเองให้กลับมาแข็งแรงและสวยงามอีกครั้ง แม้ไม่สามารถทำได้อย่างรวดเร็ว และยังคงทิ้งร่องรอยแห่งความปวดร้าวและผลจากการทำลายล้างของคลื่นสึนามิให้เราได้พบเห็น แต่การเดินทางครั้งนี้ก็ทำให้ผมได้เห็นความสวยงามของธรรมชาติ ที่ยังคงเหลืออยู่ ป่าปะการังใต้ทะเล ฝูงปลาที่แหวกว่าย ป่าไม้บนเกาะที่อุดมสมบูรณ์ทำให้ทุกคนมีน้ำใช้ตลอดทั้งปี ทุกอย่างสนุกเหนือจินตนาการจริง ๆ


แบกเป้เดินทาง
โปรแกรมการเดินทางครั้งนี้ถูกวางแผนล่วงหน้ามาจากปลายปีที่แล้ว เป้าหมายแรกเพียงแค่เพื่อเที่ยวทะเล ดำน้ำตื้น แต่เมื่อพวกเราเริ่มศึกษาข้อมูลเพื่อการเดินทาง เป้าหมายจึงเพิ่มขึ้นไปตามข้อมูลที่ได้รับ จากแค่เพียงต้องการไปดำน้ำดูปลาธรรมดา ก็ต้องการเห็นเต่ากระ และปลาฉลาม เมื่อเห็นข้อมูลบนเกาะก็ทำให้เราอยากมีเวลาเดินป่าบนเกาะซักวัน เพื่อตามหา ปลาบู่เกาะสุรินทร์ บ่าง ค้างคาวแม่ไก่เกาะสุรินทร์ รวมทั้งนกบนเกาะ ปูแม่ไก่ โปรแกรมการเดินทางที่ตั้งไว้จากเดิม สามวันสองคืน จึงเพิ่มเป็นสี่วันสามคืน อย่างเลี่ยงไม่ได้เพื่อจะได้มีเวลามากที่สุดในการค้นหาและใช้เวลากับธรรมชาติบนเกาะแห่งนี้ให้มากที่สุด
รถทัวร์ปรับอากาศชั้นหนึ่งขนส่งผู้โดยสารขนาดสามสิบสองที่นั่ง ออกเดินทางจากสถานีขนส่งสายใต้ใหม่มากว่าห้าชั่วโมงแล้ว ผมหลับ ๆ ตื่น ๆ เพราะเบาะนั่งที่ไม่สามารถปรับนอนได้สบายเหมือนที่นอนุ่มๆ ที่บ้าน จากการสังเกตก่อนออกเดินทางผู้โดยสารประมาณครึ่งคันรถมีเป้าหมายการเดินทางที่เดียวกัน คือลงที่อำเภอคุระบุรี ระยะทางกว่า 700 กิโลเมตรจากกรุงเทพ จุดที่ผู้ที่ต้องการเดินทางไปหมู่เกาะสุรินทร์ ต้องลงรถ เพื่อไปต่อเรือที่ท่าเรือคุระบุรี
ประมาณตีสี่กว่า ๆ รถทัวร์ของบริษัทภูเก็ตท่องเที่ยว ก็นำพวกเรามาส่งถึงท่ารถอำเภอคุระบุรี พอลงรถก็มีเจ้าหน้าที่จากซาบีน่าทัวร์ ที่พวกเราจอง Package ไว้มารับ ขึ้นรถกระบะต่อไปยังท่าเรือ ขณะกำลังนั่งตื่นเต้นอยู่บนรถไม่นาน รถก็มาจอดที่ท่าเทียบเรือคุระบุรีแล้ว จัดการจ่ายเงินและหาอาหารกินเพื่อรองท้องอยู่ไม่นาน บริเวณท่าเรือก็เต็มไปด้วยนักเดินทางที่มีเป้าหมายเดียวกัน จากจุดนี้การเดินทางไปยังหมู่เกาะสุรินทร์ ต้องนั่งเรือไปอีกประมาณ 60 กิโลเมตร หากเดินทางด้วยเรือเร็ว (Speed Boat) ก็จะใช้เวลาประมาณ 50 นาที แต่หากเดินทางด้วยเรือธรรมดาก็จะใช้เวลาประมาณ สองชั่วโมงนิด ๆ แต่จะเลือกเดินทางด้วยวิธีไหน ก็แล้วแต่ความต้องการความเร็วและเงินในกระเป๋าครับ เพราะเมื่อเดินทางไปถึงเกาะแล้วก็ต้องรอไปดำน้ำพร้อมกันอยู่ดีครับ

27 Feb 2008

เขาแหลม ภาค 2 นกเงือกสีน้ำตาล

ตอนที่สองครับ อากาศคืนนี้ไม่หนาวมากเนื่องจากที่นอนอยู่ในหุบ ตื่นนอนแต่เช้ารีบเดินขึ้นเนินเขาเพื่อดูบรรยากาศยามเช้ารอบ ๆ ทุ่งเขาแหลม

26 Feb 2008

งานแต่งไอ้ขวาน

เจ้าบ่าว หล่อจริง ๆ เลย

19 Feb 2008

เดินป่า ทุ่งหญ้าเขาแหลม เขาใหญ่

บันทึกการเดินทางท่องเที่ยวเขาใหญ่ ชุดนี้เป็นการเดินทางไป ผาเดียวดาย การเดินทางเข้าหน่วยย่อย ขญ 19 เขาแหลม ครับ ระหว่างการเดินทางพบสัตว์ ทั่วไปที่พบได้ง่ายในพื้นที่เขาใหญ่ และปิดท้ายด้วยภาพบันทึกการดูสัตว์กลางคืน เดินทางไปครั้งนี้มีโอกาสได้พบ แม่น เก้ง กวาง นกเค้าสีน้ำตาล และสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำประเภทกบ คางคก ชนิดต่าง ๆ

15 Feb 2008

ศูนย์ศึกษาธรรมชาติโป่งก้อนเส้า สระบุรี

ได้มีโอกาสไปกับเพื่อน ๆ ใน Siamensis.org พาน้อง ๆ ที่สาธิตจุฬาไปทำกิจกรรมที่ศูนย์ศึกษาธรรมชาติ น้ำตกเจ็ดคต-โป่งก้อนเส้า พาน้อง ๆเดินป่าตอนกลางคืน เป็นจังหวะดีที่ช่วงที่ไปถึง ต้นงิ้วหน้าบ้านพัก(ของคนอื่น) กำลังออกดอกบานสะพรั่งเรียกแมลงมากกินน้ำหวาน นกก็เลยมากันเต็มไปหมด บ้างก็มากินน้ำหวาน บ้างก็มากินแมลง ผมก็เลยนอนดูนกใต้ต้นงิ้ว อากาศสดเป็นใจลมโชยเอื่อย ๆ ทริปนี้ สบายจริง ๆ

14 Feb 2008

น้ำตกนางครวญ การเดินทางของสายน้ำและชีวิต

กลางสนามหญ้าที่ถูกปรับแต่งอย่างดีเพื่อใช้เป็นลานกางเต็นท์ นกตะขาบทุ่ง เกาะอยู่บนต้นไม้ใก้ล ๆ ที่พักของพวกเรา มันเกาะนิ่งส่ายสายตาไปมาเพื่อมองหาอาหาร ไม่นานนักก็โฉบลงมาจับตั๊กแตนที่อยู่บนสนามหญ้าไปเป็นอาหาร ห่วงโซ่อาหารที่ถูกธรรมชาติออกแบบมาอย่างดีเพื่อสร้างความสมดุลให้กับโลกที่เราอาศัยอยู่ โซ่หลายข้อเริ่มแตกหักไปด้วยฝีมือของมนุษย์ ผมคงไม่สามารถรู้ได้ว่าพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร แต่ก็ยังเฝ้าดูห่วงโซ่เล็ก ๆ ที่ยังดำเนินอยู่นี้อย่างมีความสุข ก่อนที่พวกเราทั้งหมดจะเดินทางไปชมความงามของน้ำตกนางครวญทั้งสี่ชั้น

ป้ายบอกเส้นทางเดินไปน้ำตกเก่า ๆวางอยู่บนพื้น ลูกศรชี้ไปตามเส้นทางเล็ก ๆ ที่ทอดหายเข้าไปในราวป่าทอดยาวไปทางเดียวกับสายน้ำที่เราดำดูปลากันเมื่อครู่ สมาชิกทั้งหกคนออกเดินเรียงแถวกันไป หายเข้าไปในเส้นทาง พวกเราเดินกันอย่างเงียบ ๆ ด้วยความหวังว่าน่าจะได้พบอะไร บ้างในเส้นทางข้างหน้า มิงค์ซึ่งเดินนำอยู่หน้าสุดหยุดอย่างกระทันหัน งูตัวเล็กเลื้อยอยู่กลางทางที่เรากำลังจะเดินผ่านไป ผมและเพื่อนหลายคนรีบขยับถอยหลัง "เฮ้ย งูหมอก มันไม่มีพิษหรอก แค่ทำตัวให้เหมือนงูพิษ แต่ไม่มีพิษอะไร ถ้ากัดก็จะมีแค่กลิ่นเหม็น ๆ " ทอกผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์ต่าง ๆ แนะนำพวกเรา ทุกคนจึงเข้ามารุมล้อมเพื่อถ่ายรูปเจ้างูหมอก ตัวนี้ ก่อนที่จะได้เดินกันต่อไป เราจับงูหมอก ออกไปไว้ข้างทางในพงหญ้า เพื่อมีกลุ่มนักท่องเที่ยวตามหลังเรามาเจ้างูน้อยจะได้ปลอดภัยไม่โดนใครทำร้าย ด้วยความกลัวงู

น้ำตกนางครวญ เป็นน้ำตกที่มีความสวยงามแปลกตาไปจากน้ำตกอื่น ๆ โดยการเดินทางของเราจะไปถึงน้ำตกชั้นที่ 1 ซึ่งจะเป็นชั้นที่อยู่สูงที่สุดก่อน น้ำตกชั้นที่สอง สาม และสี่อยู่ถัดไป โดยต่ำลงไปตามแนวเขา พวกเราเดินมาซักพักก็ถึงน้ำตกชั้นที่หนึ่ง ซึ่งมีความสูงไม่มากนัก แต่ถึงแม้จะในฤดูหนาวที่เราเดินทางมาถึงนี้ก็ยังมีน้ำมากพอสมควร น้ำตกไหลลงมาจากความสูงสาม สี่เมตร ตกลงมากลางแอ่งใหญ่ ที่ปกคลุมรอบไปด้วยเฟิรน์และไม้ขนาดเล็ก รอบแอ่งน้ำตกนี้ จากนั้นเราก็เดินทางต่อไปโดยเดินต่ำลงไปตามแนวเขา ผ่านดงไผ่และไต่ทางต่ำลงมาจนสู่ทางเดินบนสายน้ำที่ทอดตัวอยู่บนแผ่นหินเป็นลานกว้าง เส้นทางนี้เป็นลานที่อยู่ด้านบนของน้ำตกชั้นที่สอง พวกเราต้องเดินตัดข้ามไปอีกฝใกหนึ่ง และเดินตามสายน้ำไปจนเกือบถึงสุดปลายทางของสายน้ำที่จะทอดตัวลงสู่เบื้องล่าง ก็เดินตัดทางข้ามไปอีกฝั่งหนึ่งก็จะพบทางเดินที่จะนำเราลงไปสู่แอ่งน้ำที่รองรับน้ำตกชั้นที่สอง




จากน้ำตกชั้นที่สองเราก็ออกเดินทางกันต่อโดยเส้นทางจากน้ำตกชั้นที่สองเพื่อลงไปสู่ชั้นที่สามของน้ำตกนั้น เส้นทางเดินก็เริ่มแย่ลง และเป็นทางลงลาดชัน บางช่วงต้องก้มตัวมุดลงจนแทบจะคลานโดยเฉพาะช่วงทางลงสู่น้ำตกชั้นที่สามในช่วงสุดท้าย


แต่เมื่อพวกเราผ่านลงมาถึงและพบกับความงามของสายน้ำที่พุ่งลงมาจากหน้าผาสูงแตกกระจาย ละออกน้ำกระจายไปทั่วตามแรงลมที่พัดระลอก ความสดชื่นจากสายน้ำที่กระทบผิวกายที่เหนียวและร้อนจากการเดินลงมาไกลก็ทำให้เราสดชื่นและหายเหนื่อยไปทันที น้ำตกชั้นที่สามนับว่าเป็นชั้นที่สวยที่สุด


จากน้ำตกชั้นที่สามต่อไปก็เป็นชั้นสุดท้ายคือชั้นที่สี่ คณะเดินทางของเราเดินทางย้อนกับขึ้นจากน้ำตก และไต่ทางขึ้นไปจนถึงสุดทางบรรไดไม้ไผ่ที่ไต่ลงมาเลียบขอบผาเพื่อจะเดินทางไปยังน้ำตกชั้นที่สี่ แต่เมื่อผมและเพื่อลองค้นหาเส้นทางโดยพยามหาทางปีนเขาให้ต่ำลงไปอีก แต่ก็ไม่สามารถค้นหาเส้นทางได้ จึงมั่นใจว่าทางเดินลงสู่น้ำตกชั้นที่สี่คงไม่ได้เดินต่ไปจากทางช่วงนี้ แต่น่าจะเป็นการเดินตามกระแสน้ำจากชั้นที่สามไปเรื่อย ๆ เวลาขณะนั้นประมาณสี่โมงเย็นพวกผู้หญิงที่เดินทางมาด้วยเริ่มหมดแรกและไม่อยากไต่ทางลงเขาไปยังน้ำตกชั้นที่สามอีกครั้งเนื่องจากทางค่อนข้างชันและลำบากจึงตัดสินใจจะเดินกลับไปแคมป์และทำอาหารรอ ดังนั้นจึงมีเพียงผมและเพื่อนเพียงสองคนที่ตัดสินใจจะเดินต่อไปให้ถึงน้ำตกชั้นสุดท้าย

แต่จนในที่สุดแล้วผมก็ไม่สามารถลงไปถึงน้ำตกชั้นที่สี่ได้ คงมีเพื่อนเพียงคนเดียวในคณะเดินทางที่ได้ลงไปถึงน้ำตกชั้นที่สี่ เนื่องจากเส้นทางเดินจากน้ำตกชั้นที่สามไปปถึงชั้นที่สี่ เป็นทางที่ไม่มีทางเดิน และในช่วงสุดท้ายที่ต้องปีนเขาลงไปเราต้องข้ามต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ซึ่งคงเป็นเพราะผมเดินทางเข้ามาด้วยกางเกงขาสั้นและเสื้อแขนสั้น จึงไปโดนขนของแมลงเข้าที่ขอนไม้ที่ขวางทางที่จะต้องปีนลงไปทำให้คันไปทั้งตัว ต้องวิ่งลงไปแช่และล้างน้ำ
จากประสบการณ์นี้ทำให้ผมต้องจดจำไว้ว่าไม่ควรประมาทโดยการแต่งการไม่รัดกุมใส่กางเกงและเสื้นแขนสั้นอีกต่อไป


Search This Blog

GoDaddy 7.49 Domain Sales