22 Jun 2008

ชีวิตใหม่ มหัศจรรย์ธรรมชาติ

17 มิถุนายน 2551 ภาพถ่ายจากเครื่องอัลตราซาวด์ ทำให้ผมและแอร์ได้เห็นภาพชีวิตใหม่ที่กำลังพัฒนาขึ้น อายุ 8 สัปดาห์ 6 วัน ความยาวของร่างกาย 2.6 เซ็นนติเมตร แต่กว่าจะถึงวันนี้ได้ก็ต้องระวังแทบแย่ เนื่องจากคุณแม่มีอาการภาวะแท้งคุกคาม วันนี้เป็นวันที่มาฉีดยากันแท้งเข็มที่สาม ซึ่งก็น่าจะปลอดภัยแล้วเพราะการพัฒนาการของชีวิตน้อย ๆ มีการพัฒนาเติบโตอย่างปกติ วันนี้สามารถเห็นหัว ตุ่มแขนและขาเริ่มงอกออกมาเป็นตุ่ม หมอได้ให้ฟังเสียงหัวใจเต็นด้วย ดังตึง ๆ ๆ ๆ เร็วมาก ๆ มองเห็นส่วนที่เป็นไขสันหลัง และมีการขยับตัวขณะที่ทำการอัลตราซาวด์ ด้านบนที่เห็นเป็นถุงกลม ๆ เป็นส่วนที่จะพัฒนาเป็นส่วนที่จะให้อาหารกับเด็กในครรภ์

หากจะคำนวณวันเวลาที่กำเนิดชีวิตเล็ก ๆ มีการปฎิสนธิขึ้นก็น่าจะเป็นประมาณวันที่ 27 เมษายน 2551 แต่หากจะคำนวณตามหลักสากลนิยมโดยถือเอาวันที่ออกจากท้องแม่ มาดูโลกภายนอกก็น่าจะประมาณวันที่ 21 มกราคม 2552

10 Jun 2008

หมู่เกาะสุรินทร์ เดินไปเดินมาค้นหาชีวิต

เจ้าตัวเขียวแบบนี้พบได้ทั่วไปบนเกาะสุรินทร์ ตามต้นไม้บริเวณชายหาด สอดส่องสายตาให้ดีก็จะพบพวกมันออกมาเดินหากินตามต้นไม้

ลักษณะเจ้าตัวนี้คล้างแมลงชีปะขาวแต่ไม่น่าจะใช่เพราะตัวใหญ่กว่ามาก ๆ

จิ้งจกที่เกาะอยู่บริเวณศาลาพักกาย บริเวณจุดจอดเรือด้านหลังหาดที่ติดต่อกับอ่าวช่องขาด

ปลาตีน มีให้เห็นอยู่มากมาย กระโดดรวดเร็วอยู่ตามพื้นทรายบริเวณที่มีป่าโกงกางขึ้นอยู่ น่ารักดีครับ

เจ้าตัวนี้เป็นปูเสฉวนวัยอาวุโส ขนาดก็ใหญ่กว่ากำมือพอสมควร แต่เจ้าตัวเล็ก ๆ นี่ซิมีให้พบเห็นเต็มไปหมด โดยเฉพาะในเวลากลางคืน เจ้าพวกนี้จะส่งเสียง หรีด หรีด แล้วพากันเดินออกมาเต็มไปหมด บ้างก็ปีนต้นไม้กันก็มีอยู่มาก

ค่างน้อยตัวนี้โชคดีที่มีโอกาสได้พบเจอ ตัวนี้เป็นตัวเมีย มีลูกน้อยเกาะอยู่ที่ท้องด้วย หากเป็นสมัยก่อนที่มีอยู่จำนวนมากเค้าว่าเลือดของเจ้าพวกนี้มีสรรพคุณทางยาดีนัก เอาเลือดสด ๆ ผสมเหล้ากินช่วยลดอาการปวดเมื่อยได้อย่างดี อันนี้ก็ไม่รู้ว่าจริงแท้แค่ไหน แต่อย่างไปทำร้ายมันเลยนะครับ









หมู่เกาะสุรินทร์ สนุกสุดจินตนาการ ตอนที่ 1

บันทึกการเดินทาง หมู่เกาะสุรินทร์ มีนาคม 2551

หมู่เกาะสุรินทร์ ทะเลไทยที่มีชื่อเสียงว่าสวยงามติดอันดับโลก ที่ใคร ๆ ต่างก็เฝ้าหวังว่าจะได้มีโอกาสซักครั้งที่จะเดินทางมาเพื่อชมความงามของโลกใต้ทะเลไทย ในฝั่งทะเลอันดามัน ถึงแม้เป็นเพียงการดำน้ำแบบลอยตัวผิวน้ำคุณก็จะได้พบกับโลกอันสุดแสนมหัศจรรย์ ที่ธรรมชาติได้บรรจงสรรสร้างผ่านกาลเวลายาวนาน กว่าช่วงชีวิตของคนเราเหลือประมาณ แม้บางช่วงเวลาที่ผ่านมาหมู่เกาะสุรินทร์ ได้ถูกการทำลายโดยกฎของธรรมชาติ อย่างเช่นการเกิดมหัตภัย สึนามิในเช้าวันอาทิตย์ที่ 26 ธ.ค.2547


เวลาสามปีที่ผ่านมา ช่วยให้ธรรมชาติที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์ และปลอดจากการรุกรานของมนุษย์ อย่างรุนแรงและหวังเพียงการกอบโกย ก็พยามฟื้นฟูดูแลสุขภาพของตนเองให้กลับมาแข็งแรงและสวยงามอีกครั้ง แม้ไม่สามารถทำได้อย่างรวดเร็ว และยังคงทิ้งร่องรอยแห่งความปวดร้าวและผลจากการทำลายล้างของคลื่นสึนามิให้เราได้พบเห็น แต่การเดินทางครั้งนี้ก็ทำให้ผมได้เห็นความสวยงามของธรรมชาติ ที่ยังคงเหลืออยู่ ป่าปะการังใต้ทะเล ฝูงปลาที่แหวกว่าย ป่าไม้บนเกาะที่อุดมสมบูรณ์ทำให้ทุกคนมีน้ำใช้ตลอดทั้งปี ทุกอย่างสนุกเหนือจินตนาการจริง ๆ


แบกเป้เดินทาง
โปรแกรมการเดินทางครั้งนี้ถูกวางแผนล่วงหน้ามาจากปลายปีที่แล้ว เป้าหมายแรกเพียงแค่เพื่อเที่ยวทะเล ดำน้ำตื้น แต่เมื่อพวกเราเริ่มศึกษาข้อมูลเพื่อการเดินทาง เป้าหมายจึงเพิ่มขึ้นไปตามข้อมูลที่ได้รับ จากแค่เพียงต้องการไปดำน้ำดูปลาธรรมดา ก็ต้องการเห็นเต่ากระ และปลาฉลาม เมื่อเห็นข้อมูลบนเกาะก็ทำให้เราอยากมีเวลาเดินป่าบนเกาะซักวัน เพื่อตามหา ปลาบู่เกาะสุรินทร์ บ่าง ค้างคาวแม่ไก่เกาะสุรินทร์ รวมทั้งนกบนเกาะ ปูแม่ไก่ โปรแกรมการเดินทางที่ตั้งไว้จากเดิม สามวันสองคืน จึงเพิ่มเป็นสี่วันสามคืน อย่างเลี่ยงไม่ได้เพื่อจะได้มีเวลามากที่สุดในการค้นหาและใช้เวลากับธรรมชาติบนเกาะแห่งนี้ให้มากที่สุด
รถทัวร์ปรับอากาศชั้นหนึ่งขนส่งผู้โดยสารขนาดสามสิบสองที่นั่ง ออกเดินทางจากสถานีขนส่งสายใต้ใหม่มากว่าห้าชั่วโมงแล้ว ผมหลับ ๆ ตื่น ๆ เพราะเบาะนั่งที่ไม่สามารถปรับนอนได้สบายเหมือนที่นอนุ่มๆ ที่บ้าน จากการสังเกตก่อนออกเดินทางผู้โดยสารประมาณครึ่งคันรถมีเป้าหมายการเดินทางที่เดียวกัน คือลงที่อำเภอคุระบุรี ระยะทางกว่า 700 กิโลเมตรจากกรุงเทพ จุดที่ผู้ที่ต้องการเดินทางไปหมู่เกาะสุรินทร์ ต้องลงรถ เพื่อไปต่อเรือที่ท่าเรือคุระบุรี
ประมาณตีสี่กว่า ๆ รถทัวร์ของบริษัทภูเก็ตท่องเที่ยว ก็นำพวกเรามาส่งถึงท่ารถอำเภอคุระบุรี พอลงรถก็มีเจ้าหน้าที่จากซาบีน่าทัวร์ ที่พวกเราจอง Package ไว้มารับ ขึ้นรถกระบะต่อไปยังท่าเรือ ขณะกำลังนั่งตื่นเต้นอยู่บนรถไม่นาน รถก็มาจอดที่ท่าเทียบเรือคุระบุรีแล้ว จัดการจ่ายเงินและหาอาหารกินเพื่อรองท้องอยู่ไม่นาน บริเวณท่าเรือก็เต็มไปด้วยนักเดินทางที่มีเป้าหมายเดียวกัน จากจุดนี้การเดินทางไปยังหมู่เกาะสุรินทร์ ต้องนั่งเรือไปอีกประมาณ 60 กิโลเมตร หากเดินทางด้วยเรือเร็ว (Speed Boat) ก็จะใช้เวลาประมาณ 50 นาที แต่หากเดินทางด้วยเรือธรรมดาก็จะใช้เวลาประมาณ สองชั่วโมงนิด ๆ แต่จะเลือกเดินทางด้วยวิธีไหน ก็แล้วแต่ความต้องการความเร็วและเงินในกระเป๋าครับ เพราะเมื่อเดินทางไปถึงเกาะแล้วก็ต้องรอไปดำน้ำพร้อมกันอยู่ดีครับ

Search This Blog

GoDaddy 7.49 Domain Sales