26 Nov 2008

หยุด เผด็จการรัฐสภา

ได้เห็นไอ้นายกรัฐมนตรี หัวดอ ออกทีวีแล้วสิ้นหวัง กับคณะรัฐมนตรี และ สส. ที่ร่วมรัฐบาลทุกคนจริง ๆ ภาพที่ออกทีวีวันนี้น่าจะทำให้คนที่เคยวางตัวเป็นกลาง เลือกหาจุดยืนและเลือกข้างได้แล้วนะครับ
ผมไม่ได้เรียกร้องให้ผู้เป็นกลางมาอยู่ข้างพันธมิตร 100% หรอกครับ เพราะบางอย่างที่พันธมิตรทำผมก็ไม่เห็นด้วย แต่น่าจะถึงเวลาแล้วที่คนไทยที่รักชาติ ต้องแสดงออกด้วยการยืนอยู่ตรงข้ามกับรัฐบาล ที่เป็นเผด็จการ เผด็จการรัฐสภาแบบนี้น่าจะมีแต่ในประเทศที่ประชาธิไตยล้าหลัง หรืออย่างในสมัย 30 ปีที่แล้ว

เผด็จการรัฐสภา ได้สร้างความเสียหายให้กับประเทศมามากมายแล้วตั้งแต่สมัย ทักษิน เพราะคนพวกนี้ โกงจน " ชิน " กินจนเป็น กิจ " วัตร "
กลุ่มนักการเมืองพวกนี้มีความเข้าใจว่าการโกงไม่ใช่สิ่งที่ผิด เพราะ ถ้ากฏหมายบอกว่าผิด ก็ต้องแก้กฏหมาย ให้ผิด กลายเป็นถูก เช่นกฎหมายภาษีของไอทีวี , กฎหมายแปรรูป ปตท. , กฎหมายแปรรูปกฟผ. , กฎหมายแปรรูป TOT , กฎหมายแปรรูป CAT , กฎหมายแปรรูปกการประปา อ้างว่า เพื่อการบริหารที่คล่องตัว โปร่งใส
จนทำให้ในสมัยนั้นสามารถแปรรูป ปตท. ได้สำเร็จ นับว่ายังเป็นโชคดีของประเทศไทยที่ยังมีคนดีอย่าง สว รสนา ทำให้การแปรรูปการไฟฟ้าทำไม่สำเร็จ

เผด็จการรัฐสภา ของกลุ่มนอมินีของหน้าเหลี่ยม ทำอะไรไว้บ้างตั้งแต่สมัยนายสมัครจมูกบาน ซึ่งวันนี้ผลกรรมตามทันส่งให้เป็นมะเร็ง ได้ใช้เงินที่ได้มาจากคนหน้าเหลี่ยม ในการรักษาตัว

กรณีเขมร เนื่องจากตัวมันและคนในรัฐบาล มีนอมินีถือหุ้นปตท.อยู่ (ก็ลงทุนแปรรูปแล้วจะปล่อยไปให้ตกอยู่ในมือคนอื่นได้ไง) และหากเรายอมให้เขมรยื่น สำเร็จ ปตท.จะได้สิทธิในการขุดเจาะนำมันในเขมรครับ ผลประโยชน์มันมหาศาลขนาดนี้แถมเป็นเป็นคำสั่งไอ้เหลี่ยม ไอ้นพเหล่มันเลยยอมยกให้โดยดี
แอบซุ่มลงนามอะไรไปหลาย ๆ อย่างโดยที่ไม่เคยมีใครรู้ สส. ที่เข้าประชุมก็ไม่เคยสนใจอ่านเอกสารต่าง ๆ

หรือกรณีเช่ารถแมล์ ที่ราคาเช่าแพงกว่าราคาซื้อหลายเท่ามีแต่คนออกมาคัดค้านมันก็ดันทุรังทำกันจนผ่านการอนุมัติไปแล้ว

เหตุการณ์ 7 ตุลา เป็นเพราะอะไร จึงเกิดขึ้น เพราะก่อนหน้านี้ไอ้เหลี่ยมวางแผนจะให้มีการปะทะ ระหว่าง นปช และพันธมิตร แล้วก็ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน แต่ทหารสมัยนี้ ไม่ได้โง่อย่างที่มันคิด และรักประเทศชาติและประชาชนมากกว่าตำรวจ จึงเพียงแค่เข้ามาคุมสถานการณ์ และไม่มีการปราบปราม
ในวันที่ 7 ตุลาจึงไม่มีการเรียกใช้ทหาร แต่เลือกใช้ตำรวจที่ยอมสยบอยู่ใต้อำนาจเงิน และตำแหน่งทางการเมืองที่ไอ้คนหน้าเหลี่ยม มอบให้
เหตุการณ์ผ่านไปมีคนเจ็บคนตาย ไม่เห็นมีนักการเมืองคนไหนออกมารับผิดชอบ ไม่เห็นไอ้คณะกรรมการที่มันตั้งขึ้นมาเองจะสอบสวนอะไรสำเร็จ (ในขณะที่คณะอื่นเค้าทำเสร็จกันหมดแล้ว และลงความเห็นว่ารัฐบาลต้องรับผิดชอบ) แม่ง พูดเป็นคำเดียว ว่ากูรักษาประชาธิปไตย (แบบเผด็จการรัฐสภา) ต้องรอผลสอบสวน
ต่างประเทศ เค้าประท้วงกันน้อยกว่านี้แต่เป็นเรื่องของผลประโยชน์สาธารณะ เค้ายังต้องรีบลาออก เพื่อแสดงความรับผิดชอบ และสร้างจริยธรรมทางการเมือง

เหตุการณ์ต่อไปอะไรจะเกิดขึ้น คงไม่พ้นการปลุกระดมมวลชนของพวกไอ้หัวปิงปอง ออกมา ออกมา
ฆ่าพันธมิตรซะ ต่อไปทำอะไร แก้กฎหมายขายชาติอย่างไร จะได้ไม่มีใครมาขวาง.......

ฆ่าพันธมิตรซะ คนที่เทิดทูนสถาบันจะได้ไม่เหลือ ต่อไปทำอะไร ลบหลู่อย่างไร ก็ไม่มีใครว่า......

ฆ่าพันธมิตรซะ จะได้ไม่มีใครมาเป็น " คนรู้ทัน "......


อย่าคิดแค่พวกพันธมิตรหรือผู้เรียกร้อง ว่าสร้างความวุ่นวาย
อย่า คิดว่าคนพวกนั้น เทิดทูนสถาบัน ถ้าพวกมันยังให้ท้าย คนหมิ่นสถาบัน (ยังไม่เห็นตำรวจจับคนหมิ่นสถาบันคนไหนมาดำเนินคดี จักรภพ ยังออกทีวีเรียกระดมคนมาต้านพันธมิตร)

จักรภพ พูดหมิ่น ผู้รักษากฏหมายบางคนก็ยังไม่จับ จนทหารต้องออกโรงบีบ ดาตอปิโด ด่าเบื้องสูง นายสุชาติ นาคบางไทร ออกมาหมิ่นสถาบันอีก ตอนนี้หนีไปอย่างไร้ร่องรอย เหมือนกับมีคนจงใจ ให้ออกมาด่า ให้ชนสถาบัน แล้วเปิดทางให้หนี

วีระ มุสิกะพงษ์ แกนนำอีกคน สมัยก่อนโดนคดีหมิ่นเบื้องสูงจนต้องติดคุกติดตารางอยู่นาน

แต่ ด้วยพระมหากรุณาธิคุณ พลเอกเปรม ติณณสูลานนท์ เมตตา เห็นว่า น่าจะกลับตัวได้ จึงกราบบังคมทูลขอพระราชทานอภัยโทษให้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ทรงมีพระเมตตาพระราชทานอภัยโทษให้
6 พฤษภาคม 2550 วีระ มุสิกะพงษ์ ออกมาหมิ่นสถาบันบนเวทีสนามหลวงอีกครั้ง ดูเหมือนตำรวจใช้เวลานานมากในคดีนี้ มาถึงตอนนี้ ปีกว่าๆแล้ว เรื่องก็ยังไม่ถึงอัยการ นายตำรวจระดับสูง บอกว่ายังต้องสอบพยานอีก ไม่ทราบจะสอบถึงใหน
เมื่อพวกนี้เล่นเรื่องหมิ่นเบื้องสูงแล้วเห็นว่ากลุ่มที่เข้ามาร่วมบางคนไม่เอาด้วย ทำให้เสียมวลชนก็เปลี่ยนแผน โดยสร้างภาพให้แนวร่วมเชื่อว่าเคารพเทิดทูนต่อสถาบัน ให้มีการยืนเคารพ ให้มีเพลงสดุดีมหาราชา ประชาชนแนวร่วมส่วนใหญ่ เคารพเทิดทูนสถาบันอยู่แล้ว ก็เต็มใจทำและเป็นแนวร่วม นปช.

เอาเถอะครับ พรุ่งนี้อะไรจะเกิดก็คงต้องเกิด

25 Nov 2008

พรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร ?


25 พฤศจิกายน 2551


หลังจากที่พันธมิตร ประกาศต่อสู้แบบอหิงสามาเป็นเวลาหกเดือน พยามที่จะขับไล่รัฐบาลหุ่นเชิด อดทนแม้จะเกิดเหตุการณ์วันที่ 7 ตุลาคม 2551 ที่มีการปะทะกับตำรวจ อย่างรุนแรง ทำให้เกิดการเสียชีวิต และบาดเจ็บของหมู่ผองเพื่อนชาวพันธมิตรเป็นจำนวนมาก

ทดทนผ่านเหตุการณ์ที่ต้องถูกโจมตีอยู่ฝ่ายเดียว แม้จัดการชุมนุมอยู่อย่างสงบในรัฐสภา ก็ยังถูกโจมตีด้วยระเบิด M79 อยู่หลายคืนตามคำขู่ของเสธแดง ซึ่งฝางเส้นสุดท้ายของเหตุการณ์นี้ก็คือการที่มีการระเบิดจนทำให้มีพันธมิตรเสียชีวิตไปอีกหนึ่งคน ทำให้ต้องประกาศการชุมนุมอย่างแตกหัก


เมื่อตำรวจไม่ควบคุมและห้ามปรามกลุ่มอันธพาล ที่ไล่โจมตีกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อเหลือง เหตุการณ์เอาคืนในวันนี้จึงต้องเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อผู้ถูกกระทำทดไม่ไหว ก็ต้องมีการตอบโต้เอาคืน โดยเฉพาะเมื่อสถานการณ์ตึงเครียดแบบนี้ (ดูแล้วก็เหมือนเด็กช่างกลตีกัน) แต่สิ่งที่ต้องระวังคือนอกจากกลุ่มพันธมิตร ซึ่งต่อสู้ด้วยความ สันติ มาโดยตลอด นั้น ไม่ใช่เพียงฝ่ายเดียวที่ไม่พอใจการทำงานของรัฐบาลที่พยามทำทุกอย่างเพื่อหาทางแก้รัฐธรรมนูญ ในกลุ่มนี้ย่อมมีพวกฮาร์ดคอ ที่พร้อมจะออกปฏิบัติการตอบโต้ด้วยความรุนแรง กองกำลังที่ไม่ทราบฝ่ายนี้จะเป็นใคร คงต้องเฝ้าติดตามกันเป็นอย่างดี


เหตุการณ์เกลือจิ้มเกลือคงกำลังรออยู่เบื้องหน้า รอจังหวะเพียงแต่ว่าใครจะลงมือก่อน


ด้วยความเคารพ ขอเป็นกำลังใจให้พันธมิตร ทุกท่านที่พยามต่อสู้อย่างสันติมาเป็นเวลากว่า หกเดือน


หากรัฐบาลยอมออก และมีกลุ่มการเมืองต่าง ๆ ยอมตกลงว่าจะไม่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ผมเชื่อว่าพันธมิตรจะยอมสลายตัว

23 Nov 2008

การต่อสู้ครั้งสุดท้าย กับ การต่อสู้เพื่อทักษิน

24/11/2008 ถนนวิภาวดีรังสิต

วันที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ประกาศการต่อสู้ครั้งสุดท้าย เพื่อขับไล่รัฐบาลนายสมชาย ที่ทำหน้าที่เป็นนอมินีของทักษิน อย่างเต็มความภาคภูมิใจ เพื่อรักษาผลประโยชน์ร่วมกันของกลุ่มการเมืองของตน ไม่มีใครรู้เหตุการณ์วันนี้จะเป็นอย่างไร จะจบลงด้วยความรุนแรงหรือไม่

ในช่วงบ่ายในขณะที่กลุ่มพันธมิตรมีการรวมพลเพื่อเดินทางไปยังสนามบินดอนเมือง กลุ่มชมรมวิทยุชุมชนคนแท็กซี่ ที่อยู่บริเวณวิภาวดีซอยสาม ได้รวมตัวกันเพือดักทำร้าย พวกพันธมิตรที่เดินทางผ่านถนนวิภาวดีบริเวณซอยสาม ดัวยการใช้หิน ไม้ เหล็ก หนังสติก คว้างทำร้ายรถที่ผ่านเส้นทางเส้นนี้ ตำรวจเดินทางมาเป็นจำนวนพอสมควรแต่ยืนดูอยู่ห่าง ๆ โดยไม่มีการดำเนินการใด ๆ ไม่เข้าห้ามปราม แต่ยืนคุยกันอยู่เป็นกลุ่ม ๆ ในขณะที่กลุ่มแท็กซี่ ดักขว้างรถที่ผ่านมา

เหตุการณ์วันนี้ หรือต่อไปนี้จะจบลงอย่างไร ?
เมื่อฝ่ายหนึ่ง ประกาศต่อสู้ด้วยความอหิงสา ไม่ใช้อาวุธ และยืนยันว่าจะ ไม่เผาไม่ทำลายสถานที่ราชกาล การใช้เพียงมวลชน มากดดันรัฐบาลให้ลาออก แม้ว่าจะเป็นการประกาศสงครามครั้งสุดท้าย ต้องชนะ
แต่ ภายใต้สภาวะการเมือง ที่เรามีผู้นำและนักการเมืองที่ขาดคุณธรรมความสุจริต ขาดมโนธรรม ขาดจริยธรรม และ สามารถพูดโกหก กลับไปกลับมาได้เป็นรายวัน
จากเหตุการณ์ วันที่ 7 ตุลาคม จนถึงวันนี้ผ่านไปเป็นเวลาเกือบสองเดือน รัฐบาลยังไม่แสดงความรับผิดชอบใด ๆ

มีคนหลายคน และหลายกลุ่มออกมาเสนอแนวทาง "สานเสวนา" "กฎหมายนิรโทษกรรม" เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายยุติ และกลับบ้านไป คำถามที่น่าขบคิดสำหรับกระบวนการเหล่านี้คือ จะสามารถแก้ปัญหาได้จริงหรือ ? หรือเป็นการแก้ปัญหาเพื่อให้กลุ่มใดได้ประโยชน์ ? แล้วคำว่าคุณธรรม ความถูกต้องของบ้านเมือง ของกฏหมายจะไปอยู่ที่ตรงไหน และจะมีความสำคัญอย่างไร เมื่อมีคนที่ทำผิด แล้วก็แก้กฏหมายกันเพื่อให้พ้นผิด

ว่ากันด้วยเรื่องของวันนี้ ไม่ว่าฝ่ายไหนแพ้ ก็จะไม่ใช่การยอมพ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์
หากผ่ายรัฐบาลพ่ายแพ้ ยอมลาออก หรือยุบสภา ซึ่งน่าจะเป็นไปได้ยาก แต่หากพ่ายแพ้ คนที่คุณรู้ว่าใครคงไม่ยอมแพ้และไม่หยุดอยู่เพียงเท่านี้แน่นอน คงมีการเปิดแนวรบใหม่ อาจจะด้วยการใช้กลไกของรํฐที่เหลืออยู่ทำให้ตนเองได้มีโอกาสจัดตั้งรัฐบาลใหม่ หรือปิดแนวรบป่วนเมือง เหมือนช่วงที่เคยมีการยืดอำนาจสมัยพลเอกสนธิ ที่เคยเกิดมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการเผาโรงเรียน หรืออื่น ๆที่เคยทำมา

หากพันธมิตรฯ เกิดอาการพ่ายแพ้ ประกาศสลายตัว ม้วนเสื่อกลับบ้าน ยกทำเนียบ-คืนทุกอย่างให้ “รัฐบาลสมชาย” บริหารประเทศต่อไป
คุณคิดยังไง ?
อะไรจะเกิดขึ้นกับการบริหารบ้านเมือง ของนักการเมือง (โปรดคำนึงถึงคุณภาพของนักการเมือง และศึกษาประวัติในสิ่งผ่านมาที่นักการเมืองแบบไทย ๆทำกันมา)
ท่านอาจมีความสุข ว่าไม่มีพันธมิตรแล้ว ไม่มีการชุมนุมแล้ว
แต่ท่านจะรับกับสิ่งที่นักการเมืองทำได้หรือไม่ แก้กฏหมายรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ 111 คนพ้นผิด
แก้กฏหมายเพื่อให้ตนเองมีอำนาจมากขึ้น มีนายทักษินกลับมามีอำนาจ(คนที่ทำให้ประเทศแตกแยกได้อย่างมากที่สุด)
โกงได้มากขึ้น โดยไม่มี พันธมิตรมากดดัน และตรวจสอบ
เหตุการทั้งหมดเกิดขึ้นมาเนื่องจากการสั่งสม จากสิ่งที่เกิดขึ้นจากการกระทำของอำนาจรัฐ ไม่มีเหตุผล ไม่มีจุดยืน ข่มขู่ให้ประชาชนหวาดกลัว ผลักมิตรไปเป็นศัตรูด้วยการตามเกมส์แบบล้างตา
เมื่อใดมีการกดขี่ เมื่อนั้นย่อมมีการต่อสู้
และการต่อสู้ของผู้ไม่ยอมจำนน ที่ขาดผู้นำจะเป็นอย่างไร ?
เหตุการณ์สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ดำเนินมาหลายปี จนถึงปัจจุบัน ยังไม่มีจุดจบ ด้วยเหตุผลเดียวกันคือ ความอยุติธรรมของผู้ปกครองบ้านเมือง












Search This Blog

GoDaddy 7.49 Domain Sales